อนุทิน ชาญวีรกูล

วันนี้ (21 ธันวาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ผู้ประกอบการร้านค้าทำหนังสือถึงรัฐบาลว่าไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรการ Test & Go เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เพราะผู้ประกอบการแบกรับภาระมามากแล้ว ว่าได้มีการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมยอมรับว่าขณะนี้กำลังรอผลยืนยันการตรวจโควิดอีก 97 รายว่าติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนหรือไม่ และต่อไปนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยหลังจากนี้แนวทางช่วงเทศกาลปีใหม่ได้กำชับให้กรมควบคุมโรคและผู้ที่เกี่ยวข้องให้หาวิธีการที่ดีที่สุด 

ส่วนจะต้องมีปรับมาตรการการกักตัวให้สอดคล้อง กับการควบคุมสายพันธุ์โอไมครอนหรือไม่นั้น อนุทินกล่าวว่า จากนี้ไปจะเสริมบุคลากรเข้ามาดูแลนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยช่วงที่ผ่านมา ตามระบบ Thailand Pass และ Test & Go ให้หมดก่อน จึงจะเริ่มปรับเปลี่ยนมาตรการต่อไป รายละเอียดขณะนี้อธิบดีกรมควบคุมโรค กำลังดูแลอยู่

พร้อมย้ำแนวทางรัฐบาลจะต้องดูแลคนไทยให้ปลอดภัยและลดความเสี่ยงในทุกมิติ และทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อยที่สุด โดยฝ่ายบริหารมอบนโยบายได้เพียงเท่านี้ ผู้ปฏิบัติก็จะไปหาวิธีการแก้ไข และรัฐบาลก็จะต้องรับฟังผลดีผลเสียที่ตามมาด้วย พร้อมย้ำหลังปีใหม่ต้องเข้มงวดตลอดเวลา คนไทยจะต้องมีความระมัดระวัง สิ่งสำคัญที่สุดรัฐบาลจะเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 เพื่อสกัดการแพร่ระบาดและสร้างภูมิคุ้มกันให้มากที่สุด รวมทั้งเตือนอย่ารวมกลุ่มจำนวนมาก โดยเฉพาะงานช้างสุรินทร์ที่ผ่านมา 

อนุทินยอมรับว่ากังวลกับการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน เพราะพบว่าสายพันธุ์โอไมครอนแพร่เร็วกว่าเดิม แต่ความอันตรายจะทำให้คนเจ็บป่วยเท่าสายพันธุ์เดลตาหรือไม่กำลังติดตามอย่างใกล้ชิด โดยคาดหวังว่าความรุนแรงของโรคไม่น่าจะเกินจากเชื้อเดลตา ซึ่งยืนยันว่าหากผลกระทบไม่เกินเดลตา ประเทศไทยสามารถรับมือได้ และวัคซีนเข็ม 3 จะเอาอยู่

แต่ก็ต้องไม่ประมาท เพราะเป็นสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเห็นแล้วว่าเพียง 20 วันที่เข้ามาในไทย สามารถที่จะยืนยันผู้ป่วยถึง 60 รายแล้ว ดังนั้น ต้องรอลุ้นในส่วนที่เหลือ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนอย่าตระหนกเกินไปจนทำอะไรไม่ได้ แต่ต้องระวังอย่างสมเหตุสมผล เบื้องต้นยอมรับจะต้องใส่ยาแรงไปก่อน แต่เมื่อรับฟังเหตุผลจากผู้เกี่ยวข้องแล้วก็จะต้องมีการผ่อนคลายตามความเหมาะสม 

“ผมยอมรับว่าทางการแพทย์เสนอให้หยุดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ แต่เมื่อได้หารือกับทุกฝ่ายแล้ว สุดท้ายได้ข้อสรุปว่ายังมีนักท่องเที่ยวคงค้างเกือบ 2 แสนคน ต้องดูแลนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไปก่อน ซึ่งต้องมีการตรวจเชื้อแบบ RT-PCR มากขึ้นทุก 3-5 วัน และรายงานตัวอย่างต่อเนื่อง” อนุทินกล่าว 

ส่วนมาตรการจะต้องเข้มข้นถึงการปิดประเทศหรือไม่ อนุทินกล่าวว่าต้องหารือร่วมกันอย่างรอบคอบ ขณะเดียวกันยังไม่ทราบข่าวที่องค์การอนามัยโลกขอให้ทุกประเทศงดการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งในไทยมีการประชุมและรับฟังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงประชาชนทุกภาคส่วน ส่วนจะถึงขั้นล็อกดาวน์ประเทศอีกหรือไม่นั้น ยืนยันว่าขณะนี้ทุกอย่างยังพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์ และจะไม่ออกมาตรการที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยคำนึงถึงประชาชนส่วนใหญ่เป็นหลัก

ที่มา thestandard