‘ทอม ฮอลแลนด์’เปิดมัลติเวิร์สสไปเดอร์แมนร้อนแรงส่งท้ายปี – กระแสแรงส่งท้ายปี กับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ Spider-Man : No Way Home ซึ่งเข้าฉายที่สหรัฐอเมริกามาแล้ว 1 สัปดาห์

ทำสถิติรายได้เปิดตัววันแรกสูงสุด ตลอดกาลของภาพยนตร์ โซนี่ พิคเจอร์ส ด้วยรายได้ 121 ล้านดอลลาร์ แซงหน้ารายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์ 3 วันแรกของ Spider-Man : Far From Home ที่ทำไว้ 92 ล้านดอลลาร์และ Spider-Man: Homecoming ที่ทำไว้ 117 ล้านดอลลาร์

ส่วนรายได้เปิดตัวทั่วโลก 3 วันแรก ของ Spider-Man : No Way Home อยู่ที่ 587.2 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นรายได้ภายในประเทศ 253 ล้านดอลลาร์ และจากต่างประเทศอีก 334.2 ล้านดอลลาร์

เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำรายได้เปิดตัวในแถบอเมริกาเหนือเกิน 100 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19

ความยิ่งใหญ่นี้พร้อมให้แฟนหนังชาวไทยได้สัมผัสกันแล้วในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

ซึ่งนี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ภาพยนตร์ของสไปเดอร์แมน ที่ตัวตนของ ซูเปอร์ฮีโร่ถูกเปิดเผยต่อสายตาชาวโลก เป็นการนำชีวิตของเขาในฐานะนักเรียน มัธยมปลายวัย 17 ปี ตลอดจนชีวิตของคน ที่เขารักเข้าสู่สายตาสาธารณชน

อันตรายและความโกลาหลที่รายล้อมลงเอยด้วยการสร้างความสูญเสีย ปีเตอร์ ผู้ไม่สามารถยืนดูความฝันของเพื่อนๆ พังทลายได้ เขาจึงไปขอให้ ด๊อกเตอร์สเตรนจ์ (เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์) ทำให้ความลับ ของเขากลับไปเป็นความลับเหมือนเดิม

สเตรนจ์ ผู้ซึ่งแบกรับน้ำหนักของการตัดสินใจ เริ่มร่ายเวทมนตร์แห่งการหลงลืม แต่เมื่อปีเตอร์รู้ว่าเวทมนตร์จะทำให้ เอ็มเจ (เซนดายา) เน็ด (เจคอบ บาทาลอน) ป้าเมย์ (มาริสา โทเม) และ แฮปปี้ (จอน ฟาฟวโร) ลืมไปว่าเขาคือสไปเดอร์แมน เขาก็เริ่มทำใจไม่ได้

และด้วยความพยายามที่จะทำให้ทุกอย่าง เป็นเหมือนเดิมก่อนที่มิสเทริโอจะเปิดเผยตัวตน ของเขา

ปีเตอร์ได้เปลี่ยนแปลงขอบเขตของเวทมนตร์ ในขณะที่สเตรนจ์กำลังร่ายมัน เป็นการเปิดกล่อง แพนดอร่าที่เริ่มนำทุกคนที่รู้ว่าปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ คือ สไปเดอร์แมน ในทุกจักรวาลเข้ามาในโลกภาพยนตร์มาร์เวล สเตรนจ์หยุดยั้งเวทมนตร์ได้ก่อนที่ผู้มาเยือนจำนวนไม่สิ้นสุดจะเข้ามา

แต่โชคร้ายสำหรับปีเตอร์ เพราะผู้ที่ผ่านเข้ามาได้คือศัตรูของสไปเดอร์แมน ในจักรวาลอื่น และเขา ต้องเผชิญกับวายร้ายที่ น่าเกรงขามที่สุดที่เคยต่อสู้กับสไปเดอร์แมน ในจักรวาลใดๆ

หนุ่ม ทอม ฮอลแลนด์ที่กลับมารับบท ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ / สไปเดอร์แมนอีกครั้งกล่าวว่า “ใน Home coming ปีเตอร์ได้ โทนี่ สตาร์กเป็นที่ปรึกษา เขาอยากร่วมทีม อเวนเจอร์ แต่โทนี่ก็แนะนำให้เขาโฟกัสไปที่การเป็นสไปเดอร์แมน ใน Far From Home หลังจากสูญเสียที่ปรึกษาและทำใจไม่ได้กับ เรื่องนั้น เขาก็ค้นพบว่าการเป็นสไปเดอร์แมน หมายถึงเมื่อหน้าที่ เรียกร้อง เขาก็ต้องตอบสนอง”

“ในตอนท้ายปีเตอร์เขาพร้อมที่จะเป็นตัวของตัวเอง เขาถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ก่อคดีฆาตกรรมเควนติน เบ็ก หรือมิสเทริโอ ครั้งนี้คือการเติบโต การก้าวขึ้นไปบนบัลลังก์ ที่ต้องตัดสินใจในฐานะอเวนเจอร์ เต็มตัว พลังวิเศษที่ยิ่งใหญ่มักมาพร้อมความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง”

“พลังพิเศษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสไปเดอร์แมน คือ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ และนั่นเป็นเพราะความถ่อมตนของเขา เมื่อสิ่งนั้นตกอยู่ในอันตราย เพื่อนของเขาตกอยู่ในอันตราย ป้าของเขาตกอยู่ในอันตราย ชีวิตของพวกเขาถูกทำลายลงเพราะตัวเขา เขาก็รู้ว่าต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น”

“สิ่งที่ผมชอบ และนี่เป็นเครื่องเตือนใจเสมอ ก็คือความไร้เดียงสาของเขาที่ไปหาด๊อกเตอร์สเตรนจ์ แล้วพูดว่า คุณทำให้ ทุกคนลืมว่าผมเป็นใครได้มั้ย? นั่นคือสิ่งที่คุณทำได้ใช่รึเปล่า และนั่นคือสิ่งที่มีเพียงเด็กเท่านั้นที่จะทำ No Way Home คือครั้งแรก มันนำพาไปถึงจุดนั้น มันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่จะเดาอะไรได้ มันคือการเปิดไปสู่มัลติเวิร์ส มันคือบทสรุป”

เจ้าตัวพูดถึงสิ่งตื่นเต้นที่สุด ที่แฟนหนังไอ้แมงมุมจะได้เจอในครั้งนี้ว่า มันก็คือเรื่องของ มัลติเวิร์ส หรือพหุจักรวาล นี่เอง “ผมคิดว่ามัลติเวิร์ส เป็นมหากาพย์ที่สวยงาม มันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่จะเปิดไป สู่ความเป็นไปได้ที่ไม่รู้จบ อย่างที่รู้คุณจะได้เห็นตัวร้ายจากหนังภาคก่อนๆ กลับมา และมันก็เป็นเรื่องสุดยอดเมื่อพวกคุณ ได้เห็นพวกเราอยู่บนจอกับเหล่าตำนานที่คุณรู้จักกันเป็นอย่างดี”

ในเรื่องนี้ทำให้หนุ่มฮอลแลนด์มีโอกาสได้ร่วมงานกับเหล่านักแสดงยอดฝีมือในแวดวงภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น อัลเฟรด โมลินา ที่รับบท ด็อกอ็อก หรือ เจมี ฟ็อกซ์ ผู้รับบท อีเลกโทร รวมทั้ง วิลเลม เดโฟ ที่เล่นเป็น กรีน กอบลิน เหล่าตัวร้ายจากหนังสไปเดอร์แมนใน ภาคก่อนๆ

เจ้าตัวเล่าให้ฟังถึงการร่วมงานกันในฉากต่อสู้กับวิลเลม เดโฟ ที่ตัวจริงแสนจะดี แต่พอมาสวมบทจอมวายร้ายเขาก็จะเปลี่ยนเป็นคนละคนทันที “ตัวจริงเขาดีมากๆ แต่ผมจำได้เลยตอนที่เขาเล่นเป็น กอบลิน พวกเรามองไปที่เขา แล้วก็ได้แต่บอกว่า นั่นไม่ใช่วิลเลม ไม่ใช่แน่ๆ นั่นมันกอบลินชัดๆ”

ที่สำคัญเขาไม่อยากจะเชื่อว่าหนังจะนำเอาตัวร้ายเหล่านี้เข้ามายังจักรวาลนี้ได้ แต่สุดท้ายก็ทำได้ และทำได้อย่างดีเยี่ยม ฮอลแลนด์เป็นแฟนหนังสไปเดอร์แมนมาตั้งแต่ยังเด็ก “ผมได้ดูทั้งที่ โทบี้ (แมไกวร์) และ แอนดรูว์ (การ์ฟิลด์) เล่นเอาไว้ และวันนี้ผมก็ได้มีโอกาสมาเจอกับศัตรูของพวกเขา มันทั้งเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ และเป็นรางวัลที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับอาชีพนี้”

และหลายคนพูดกันว่า คู่รักในจอหนัง สไปเดอร์แมนมักจะกลายมาเป็นคู่รักนอกจอด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ กับ เอ็มมา สโตน หรือ โทบี้ แมไกวร์ กับ คริสเตน ดันสต์

ส่วนคู่ของ ทอม ฮอลแลนด์ กับ เซนดายา ก็เช่นกัน หลังจากเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา พวกเขาถูกปาปาราซซี่ถ่ายภาพตอนจูบกัน เอาไว้ได้ ต่อมาทั้งคู่ก็ดูจะเปิดเผยความสัมพันธ์กันมากขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นอีกหนึ่งคู่รักคนดังระดับโลกที่ถูกจับตามอง

ที่มา khaosod