ไม่ว่าการส่ง นายสุชาติ ชมกลิ่น ไปเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งที่สงขลา ไม่ว่าการส่ง นายสันติ พร้อมพัฒน์ ไปเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งที่ชุมพร จะมาจากสมองก้อนโตของผู้ใด
ก็ต้องยอมรับว่าข้อเสนอและความเป็นไปแห่งมติพรรคพลังประชารัฐนี้เป็น “บททดสอบ” อันยอดเยี่ยม
ไม่เพียงแต่เป็นการยอมรับถึง “รอยร้าว” ที่ยังดำรงคงอยู่ภายในของพรรคพลังประชารัฐจากยุทธการ 4 กันยายน อันส่งผลอย่างลึกซึ้งมายังการตัดสินใจ 8 กันยายน
หากยังสะท้อนให้เห็นถึงความเลือดเย็นอย่างถึงที่สุดต่อการขับเคลื่อนจากความต่อเนื่องแห่งกลยุทธ์ 25 กันยายน เมื่อ “6 รัฐมนตรี” เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังประชุมครม.
ทั้ง นายสุชาติ ชมกลิ่น ทั้ง นายสันติ พร้อมพัฒน์ ล้วนเป็น 2 ใน “6 รัฐมนตรี” ที่รับแผนรุกมาจากทำเนียบรัฐบาล
การเข้ารับงานเลือกตั้งซ่อมที่สงขลาและชุมพรจึงแหลมคม
แหลมคมหากประสบผลสำเร็จก็รุกเข้าไปอีก แหลมคมหากประสบความล้มเหลวก็จำเป็นต้องพิจารณาตนเอง

เงาสะท้อนในการเสนอและแต่งตั้งให้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รับผิดชอบการเลือกตั้งซ่อมสงขลา การเสนอและแต่งตั้งให้ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รับผิดชอบการเลือกตั้งซ่อมชุมพร
หากมาจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็เฉียบขาด ยิ่งหากมาจากภายในทำเนียบรัฐบาลยิ่งแหลมคม
เพราะนี่คือการปะทะกันอีกครั้งระหว่างทำเนียบรัฐบาลกับเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ โดยวางเดิมพันอยู่ที่ชัยชนะหรือต้องพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งซ่อม
ถึงอย่างไรหากเป็นชัยชนะก็เป็นชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐ และหากพ่ายแพ้ก็เป็นความพ่ายแพ้ต่อพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็น “หางเครื่อง” อยู่แล้วในการร่วมรัฐบาล

ภายหลังสถานการณ์เมื่อวันที่ 4 กันยายนก็ต้องยอมรับว่าเป็นสถานการณ์อันสามารถเป็น “เส้นแล่ง” อย่างแหลมคมยิ่ง
ต่อการจะอยู่หรือจะไปของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เหมือนกับคนที่แสดงบทบาทในกลยุทธ์นี้จะเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ทั้งๆที่ในความเป็นจริง คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มากกว่า

ที่มา khaosod