จากกรณี 5 นายพราน ตั้งแคมป์นำวัวมาเป็นเหยื่อล่อสัตว์ออกจากป่ามากินเป็นอาหาร แล้วใช้อาวุธปืนยิงเสือโคร่ง 2 ตัว นำมาแร่เนื้อแล้วถลกเอาหนัง ขณะพนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ กำลังเข้าจับกุม

แต่กลุ่มนายพรานเกิดไหวตัวทันวิ่งหลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด เหตุเกิดที่บริเวณป่าห้วยปิล็อก ม.4 ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และป่าสงวนแห่งชาติเขาช้างเผือก ช่วงวันที่ 8-11 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว : จนท.บุกยึดซากเสือ ถูกชำแหละ คาดเตรียมส่งขาย นายทุน ไว้ประดับบารมี

ล่าสุดวันที่ 13 ม.ค.2565 นายเจริญ ใจชน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เปิดเผยว่า สำหรับของกลางที่นำไปมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.ปิล็อก

เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมกลุ่มนายพรานมาดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ประกอบด้วย ซากเสือโคร่งเพศผู้กับเพศเมีย 2 ซาก, อาวุธปืนลูกซองยาว ยี่ห้อวินเชสเตอร์ หมายเลขประจำปืน L1526415 จำนวน 1 กระบอก, ปลอกกระสุนปืนลูกซอง 5 ปลอก,

อาวุธปืนแก๊ปแบบไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก, เครื่องกระสุนปืนลูกตะกั่ว 176 ลูก, ดินปืน 2 ขวด กับอีก 1 ถุง, อาวุธปืนยาวขนาด .22 ติดลำกล้อง 1 กระบอก, เครื่องกระสุนปืน ขนาด.22 จำนวน 50 นัด, แผ่นแก๊ป 150 นัด, ซองพัสดุบริษัทขนส่ง มีชื่อผู้รับพัสดุระบุชื่อ ดาว คงจิตรวิวัฒน์ ซองบรรจุยาลดความดัน 1 ซอง, ผู้ป่วยชื่อ นางโพเจ๊ะ ไม่มีนามสกุล และระเบิดปิงปอง 22 ลูก

สำหรับของกลางซากเสือโคร่ง 2 ซาก มีดพก 4 เล่ม ไฟฉาย 3 อัน แผงโซลาเซลล์ พร้อมหม้อแปลง 1 ชุด สายชาร์จไฟฉาย 2 เส้น หม้อสนาม 3 ใบ เปล 5 หลัง เชือกกลม 5 เส้น เชือกแบน 2 เส้น สลิ้งฉีดยา 2 อัน จอบ 1 เล่ม เสียม 1 เล่ม ยากำจัดพยาธิสำหรับสัตว์ 1 ขวด ยาปฏิชีวนะ สำหรับสัตว์ 1 ขวด แอลกอฮอลล์ผสมฟ้าทะลายโจร 1 ขวด เข็มขัดสนาม 1 เส้น คีมคีบ 1 อัน หน้ากากดำปลา 2 อัน และกรรไกร 1 อัน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้แจ้งขออนุญาตจากพนักงานสอบสวน สภ.ปิล็อก เพื่อนำไปเก็บรักษาเอาไว้ตามระเบียบ

สำหรับการแจ้งความร้องทุกข์ในครั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้ นายวันชัย สูนคำ และ นายอุเทน บัวโรย เจ้าพนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นผู้แจ้งโดยได้แจ้งความกล่าวหาผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14(2) และมาตรา 31(6) ในข้อหา ฐานร่วมกันเก็บหาของป่า อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต

และตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19(3) มาตรา 43 ฐานร่วมกันล่อ หรือนำสัตว์ป่าออกไป หรือกระทำให้เกิดอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใด ฐานร่วมกันเข้าไปดำเนินการกิจการใดๆ เพื่อหาประโยชน์ ตามมาตรา 19(6) และมาตรา 44 ฐาน ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆเข้าไป

ตามมาตรา 19(7) และมาตรา 45 ฐานยิงปืน หรือทำให้เกิดระเบิด หรือจุดดอกไม้เพลิง ตามมาตรา 19(8) และมาตรา 44 ฐานทิ้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้

ตามมาตรา 19(9)และมาตรา 44 และตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ฐานห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าตามมาตรา 17 และมาตรา 92

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุ นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (พญาเสือ)

พร้อมทีมงานได้ลงพื้นที่เพื่อร่วมเก็บหาหลักฐานแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ม.ค. และในวันนี้ 13 ม.ค. นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (หน.หน่วยพญาเสือ) ขณะที่นายชาติชาย ศรีแผ้ว หัวหน้าสำนักงาน สนับสนุนการป้องกัน และปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมเก็บหลักฐานแล้วตั้งแต่วานนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า ที่แท้นายพรานทั้ง 5 รายที่ลงมือก่อเหตุ เป็นชาวบ้านในพื้นที่ โดยจะเดินทางไปมอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปิล็อก ในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.ที่จะถึงนี้ หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

ที่มา khaosod