เมื่อวันที่ 19 ม.ค.น.ส.แอน เปิดเผยกับข่าวสดออนไลน์ ถึงกรณีโพสต์คลิปติ๊กต็อกขณะตัวเองข้ามฝั่งจากไทยไปยังเมียนมา พร้อมกับตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อไปไถ่รถกระบะของตัวเองที่ถูกขโมยไปกลับคืนมาในราคา 1.8 แสนบาท

น.ส.แอน กล่าวว่า วันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา มีลูกค้าเป็นทหารยศสิบเอก เข้ามาขอเช่ารถกระบะโตโยต้า รีโว่ สีดำ 4 ประตู กับตนที่ จ.ราชบุรี อ้างว่าตัวเองเลิกกับแฟน ต้องขนของจากกรุงเทพฯ กลับกาญจนบุรี

พร้อมนำบัตรประชาชน ใบขับขี่และเอกสารราชการมายืนยันว่าเป็นทหารจริง มีกำหนดนัดคืนรถวันที่ 12 ม.ค.

กระทั่งคืนวันที่ 11 ม.ค.อีกฝ่ายทักมาบอกว่าให้ลูกน้องยืมรถไปแล้วติดต่อไม่ได้ อยากให้ตนช่วยเช็กจีพีเอสหาพิกัด แต่คนทั่วไปเช่ารถก็ไม่เอาไปให้คนอื่นใช้แน่นอน ความรับผิดชอบอยู่กับคนเช่า ตนบอกว่าไม่มีจีพีเอส

จึงแกล้งบอกไปว่าไม่มีจีพีเอส เพราะรู้สึกว่าแปลก และกลัวจะไปเอาออก จึงบอกไปว่าถ้ารถหายจะดำเนินคดี เขาก็อ้างว่าพอดีติดต่อได้แล้ว ตนเลยเช็กจีพีเอส พบว่าสัญญาณอยู่ที่เซ็นทรัลศาลายาและกระจายอยู่ที่อื่น

น.ส.แอน กล่าวอีกว่า ตอนแรกตนเข้าใจว่าอีกฝ่ายถอดจีพีเอสออกแล้ว โดยเลี้ยงไฟไว้หลอกตนให้แสดงสัญญาณตลอด แต่เขาใช้วิธีบล็อกสัญญาณ พอรู้ว่าไม่มีรถอยู่แล้ว ตนก็พยายามคุยกับเขาอีกฝ่ายดีๆ เพื่อไปตามสืบหารถเอง จนเขาบอกว่าเอารถไปให้เพื่อนทอม ตนก็ติดต่อไป ทอมอ้างว่าไม่รู้ว่ารถไปไหน

แต่ยอมรับว่าตัวเองรู้กันกับทหารที่มาเช่าว่าจะเอารถออกไปหลอกขายกับคนอื่น ตนจึงไล่เช็กว่ารถผ่านที่ใดไปบ้าง จนทราบว่าวันที่ 13 ม.ค. รถผ่านไปทางห้วยยะอุ มุ่งหน้าไปอ.แม่สอด จ.ตาก จึงประสานกับเจ้าหน้าที่ ตอนนั้นรถยังเป็นทะเบียนไทย

กระทั่งเช้าวันที่ 14 ม.ค. สัญญาณจีพีเอสรถซึ่งอ่อนมากแล้ว ไปโผล่ที่ ต.แม่ต้าน อ.ท่าสองยาง ตรงข้ามโรงพยาบาลแม่ต้าน ข้ามเข้าไปฝั่งเมียนมาประมาณ 20-30 กิโลเมตร จึงประสานตำรวจท้องที่ ก่อนเดินทางข้ามฝั่งไปพร้อมกับตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อเข้าไปพูดคุยกับกำนันผู้ใหญ่บ้านฝั่งเมียนมา

น.ส.แอน บอกอีกว่า ระหว่างเดินทางมีกลุ่มชนเผ่าแจ้งผ่านกำนันผู้ใหญ่บ้านว่าพบรถตนแล้ว พอไปถึงเวลาราว 18.00น.ก็ได้พูดคุยกับคนฝั่งเมียนมา

เขาอ้างว่าหากตนอยากได้รถคืนต้องจ่ายเงิน 1 แสนบาทให้ลูกบ้านเขาที่ซื้อรถมา ตชด.ก็สงสัยว่าทำไมต้องเสียเงิน ทั้งที่เป็นรถของตน จึงเจรจาไม่ให้ต้องเสียเงิน ก่อนจะนัดส่งรถเวลา 20.00 น.แต่แล้วก็ยกเลิกไป แล้วให้ตนกลับมาใหม่ในช่วงบ่ายวันที่ 15 ม.ค.

“พอเขาเอารถมาให้ เขาไม่เอาราคา 1 แสนบาท แต่บอกว่าลูกบ้านเขาซื้อมา 4.3 แสนบาท ถ้าไม่มีเงินให้ก็เอารถไปไม่ได้ เลยต่อรองไปและขอคุยกับคนซื้อ เขาก็อ้างว่ารถนี้ถูกยึดต่อๆ กันมา

ลูกบ้านก็ไม่ยอมคุย เขาให้คุยกับทหารอย่างเดียว จึงไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วมีคนซื้อไปหรือไม่ แต่ก็ต่อรองราคามาเรื่อยๆ จาก 2.5 แสน เหลือ 2 แสน และสุดที่ 1.8 แสนบาท ส่วนเรื่องคดีที่ไทย ก็ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองราชบุรี โดยตำรวจจะนัดทหารนายสิบไปสอบปากคำ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งหลังเกิดเรื่อง ทหารนายสิบก็ไม่ช่วยตามหารถ โยนความรับผิดชอบไปให้คนขาย

โดยฝากไปยังผู้ปล่อยรถเช่ารายอื่นๆ ว่า ลูกค้ามาหลายรูปแบบ กรณีตัวเองก็ไม่คิดว่าจะมีข้าราชการเป็นมิจฉาชีพเข้ามาทำเอง ก็ต้องหมั่นตรวจสอบจีพีเอส เอารถไปใช้ที่ไหน” น.ส.แอน กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา khaosod