สอท.เปิดตัวเลข 4 เดือนแรก กลุ่มยานยนต์ พบการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกเพิ่มขึ้นกระฉูด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ สอท.ยังไม่ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปีนี้เพิ่มขึ้น จากที่ตั้งไว้ 1.5 ล้านคัน ขอเวลา 2 เดือนเพื่อประเมินทิศทางอีกครั้ง หลังมีปัญหาชิปขาดแคลนทั่วโลก และหวั่นโควิด-19 ระลอก 3 ฉุดรั้ง
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท. ได้ตั้งเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปีนี้ ไว้ที่ 1,500,000 คันตามเดิม ที่เคยตั้งเป้าหมายไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและผลิตเพื่อส่งออกประเภทละ 750,000 คัน
สำหรับการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา และรวม 4 เดือนแรกปีนี้ มีแนวโน้มว่า การผลิตรถยนต์จะมีโอกาสเกินเป้าหมายดังกล่าวได้ แต่ด้วยจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกที่ 3 ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทำให้เกิดผลกระทบต่อกำลังซื้อในประเทศ ประกอบกับการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ (ชิป) ทั่วโลกที่มีการประเมินว่าจะขาดแคลนไปถึงปี 2565 ทำให้กลุ่มยานยนต์ จึงต้องขอเวลา 2 เดือน หรือเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ เพื่อติดตามสถานการณ์เหล่านี้ให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นได้อีกหรือไม่
“ถ้าดูจากตัวเลขล่าสุด กลุ่มยานยนต์พบว่าการส่งออกรถยนต์ มีโอกาสเกินเป้าหมายค่อนข้างมาก แต่ก็ยังกังวลโควิด-19 ที่หลายประเทศเริ่มกลับมาล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง และยังมีปัญหาการขาดแคลน ชิปในหลายๆประเทศที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งจะกระทบ ต่อการผลิตรถยนต์จากทุกแหล่งผลิตทั่วโลกหายไปในปีนี้รวม 1 ล้านคัน”
ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ก็เริ่มได้รับผลกระทบดังกล่าวในไลน์การผลิตรถยนต์ บางรุ่นแล้ว แต่ยังคงถือว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำต่อการผลิตในภาพรวม ดังนั้นจึงต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แต่ตนมองว่าเรื่องชิปยังไม่มีผลต่อการผลิตในประเทศมากนัก หากเทียบกับการระบาดของโควิด-19 จึงต้องการให้มีการเร่งฉีดวัคซีนให้กับคนไทยให้ได้มากที่สุด เพื่อฟื้นกำลังซื้อในประเทศ
สำหรับ การผลิตรถยนต์เดือน เม.ย.ที่ผ่านมามีจำนวนรวม 104,355 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 322% เนื่องจากปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีระบาดโควิดรอบแรก ทำให้มีการหยุดผลิตตามมาตรการล็อกดาวน์ของภาคอุตสาหกรรม แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ตัวเลขก็ยังคงลดลง 30% ขณะที่ เมื่อรวม 4 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) มีจำนวนการผลิตรวม 570,188 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 19% แยกเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 330,379 คัน คิดเป็น 57.94% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 23.45% และการผลิตเพื่อการจำหน่ายในประเทศ 239,809 คัน หรือ 42.06% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงปีก่อน 13.77%
“ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเมื่อเดือน เม.ย.64 มีจำนวน 58,132 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 93% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง เพราะเดือน เม.ย.63 ลูกค้าที่จองขอเลื่อนการรับรถยนต์ไปก่อนเพราะไม่มั่นใจในเรื่องรายได้ในอนาคตจากการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งบริษัทปล่อยสินเชื่อก็เข้มงวด ในการอนุมัติสินเชื่อด้วย ขณะที่รวม 4 เดือน ตั้งแต่ ม.ค.-เม.ย.64 มียอดขายในประเทศรวม 252,269 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.6%”
ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีจำนวน 52,880 คันเทียบกับเดือน เม.ย. 63 เพิ่มขึ้น 160.16% จากฐานที่ต่ำ แต่หากเทียบกับเดือน เม.ย.62 ภายใต้สภาวะปกติยังคงลดลง 21.21% ทั้งนี้ตัวเลข 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.64) สามารถ ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปได้ 310,988 คัน เป็นการส่งออกเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน ของปีก่อน 14.92% มีมูลค่าการส่งออก 173,012 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22.50% ทำให้ภาพรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์ 4 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า เครื่องยนต์, ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า รวม 261,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 23%.
ที่มา;thairath