ตำรวจอ่าวนาง คุม “บังลิพ” ทำแผนนาทีสังหารโหดทุกขั้นตอน ญาติพอใจมอบดอกไม้ให้ชุดคลี่คลายคดี ขณะที่ “บังฟิต” มือสังหาร กลับลำขอปฏิเสธ และขอให้การในชั้นศาล พร้อมให้ทนายพบพนักงานสอบสวน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 พ.ค.64 พ.ต.อ.ตานิตย์ รามดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จ.กระบี่ พ.ต.อ.พิษณุ อัชนะพรกุล รอง ผบก.ภ.จ.กระบี่ พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม ผกก.ปพ.กก.สส.ภ.8 นำทีมสืบสวนชุดปฏิบัติการพิเศษราชเดช กก.สส.ภ.8 คุมตัว นายอาลิพ หรือบังลิพ ช่างเรือ อายุ 27 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมสุดโหดนายสุชาติ ขาวล้วน อายุ 51 ปี ก่อนนำศพไปขุดหลุมราดน้ำกรดฝังดิน และนำรถไปขุดหลุมเผาและฝัง ในพื้นที่หมู่ 1 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ ออกมาทำแผนจำลองเหตุการณ์นาทีฆ่านายสุชาติ ที่หน้า สภ.อ่าวนาง ท่ามกลางบรรดาญาติๆ ของผู้เสียชีวิต ที่เดินทางมาร่วมชมการทำแผนกว่า 30 คน โดยตำรวจนำรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่า สีขาว มาจำลองเป็นรถของผู้ตาย และให้ตำรวจ 5 นาย จำลองเป็นผู้ต้องหาทีมก่อเหตุฆ่า ประกอบด้วยนายสุริยา หรือบังฟิต เริงสมุทร อายุ 31 ปี, นายสุรชัย หรือกิบหลี เริงสมุทร อายุ 37 ปี, นายสุริยันต์ หรือบังหนี เริงสมุทร อายุ 30 ปี, นายนครินทร์ หรือบังพ่อ พรหมราช อายุ 30 ปี

นายอาลิพ เล่าว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุใช้ปืนจี้นายสุชาติขึ้นไปบนรถเก๋งของนายสุชาติ โดยมีกิบหลีทำหน้าที่ขับรถ ส่วนบังฟิตนั่งหน้ารถ เบาะหลังมีบังหนี บังพ่อ และบังลิพ นั่งประกบนายสุชาติมายังสวนยางใกล้จุดฝังศพ จากนั้นบังฟิตเป็นคนทำหน้าที่ยิงใส่นายสุชาติ 3 นัด แต่กระสุนพลาดไม่โดน ทำให้นายสุชาติยังไม่เสียชีวิต กิบหลีจึงแย่งปืนมาจากบังฟิต ก่อนจะเป็นคนลงมือลั่นไกสังหารจนนายสุชาติเสียชีวิต จากนั้นบังลิพทำหน้าที่เก็บปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุจำนวนหนึ่งไปทิ้ง แต่ยังเหลือปลอกกระสุนตกอยู่ในรถผู้ตายตามที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บได้ในภายหลัง ก่อนที่ทั้งหมดจะร่วมกันนำศพของนายสุชาติไปขุดหลุมและซื้อน้ำกรดมาราด และสั่งให้กลุ่มวัยรุ่นแถวบ้านบังฟิต มาช่วยกันกลบดินฝังศพ และอีกกลุ่มหนึ่งไปว่าจ้างรถแบ็กโฮไปขุดหลุมอีกจุดเพื่อเผารถเก๋งทิ้ง และให้ชายวัยรุ่นอีกกลุ่มไปช่วยกันกลบดินฝัง และขอให้รถแบ็กโฮอีกคันที่บังฟิตว่าจ้างมาขุดบ่อปลาให้มาช่วยกลบดินฝังอีกรอบ ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันหลบหนี หลังทำแผนเสร็จ ตำรวจคุมตัวบังลิพไปคุมขังไว้ที่ สภ.อ่าวนาง รอส่งฝากขังต่อไป

ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นการทำแผน นางมลิวัลย์ ไกรลาศ อายุ 53 ปี และนางอารักษ์ ทับไทร อายุ 34 ปี ตัวแทนของญาติ นำช่อดอกไม้มามอบให้กับ พ.ต.อ.ตานิตย์ และทีมตำรวจชุดคลี่คลายคดี ที่หน้า สภ.อ่าวนาง แม้จะผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าบังฟิต ผู้ก่อเหตุ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณชุดคลี่คลายคดีที่ช่วยกันทำคดีสืบสวนติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาสำคัญอย่างบังฟิตและพวกได้ ซึ่งทาง พ.ต.อ.ตานิตย์ กล่าวกับญาติว่า คดีนี้ตำรวจทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อคลี่คลายคดีจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจับกุมกลุ่มคนก่อเหตุมาได้หลายราย แม้จะยังมีหลบหนีอยู่อีก 2 ราย คือกิบหลี และบังหนี แต่ตำรวจจะยังคงสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้ทั้งหมด รวมถึงจะยังคงสอบสวนขยายผลต่อว่าจะยังมีผู้มีส่วนร่วมก่อเหตุอีกหรือไม่ หากยังมีอีกก็จะตามตัวมาดำเนินคดีทั้งหมด จึงขอให้มั่นใจในการทำงานของตำรวจ และให้มั่นใจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าตำรวจให้ความเป็นธรรมอย่างแน่นอน

ในส่วนของการสอบสวนบังฟิต พ.ต.อ.ตานิตย์ กล่าวว่า แม้ในชั้นจับกุมบังฟิตจะให้การรับสารภาพไปหมดแล้ว แต่ในชั้นของการสอบสวน บังฟิตยืนยันว่าไม่ขอให้การใดๆ โดยขอติดต่อทนายส่วนตัวให้มาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง และขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น ทางตำรวจจึงไม่จำเป็นต้องนำตัวมาทำแผน ซึ่งในทางคดีตำรวจไม่มีความกังวลใดๆ แม้ผู้ต้องหาอาจจะไปพลิกคำให้การในชั้นศาล เพราะตำรวจมีพยานหลักฐานที่ให้การตรงกันหมดแล้วในตอนนี้ โดยกลุ่มที่มีส่วนร่วมในการฝังดินที่ได้มาก่อนนี้ อาจจะกันไว้เป็นพยานในคดี ประกอบกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ตำรวจเก็บได้มากกว่า 100 ชิ้น มีผลการตรวจยืนยันมัดตัวกลุ่มก่อเหตุได้ทั้งหมด แต่ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่ามีทั้งหมดกี่คนแน่ เพราะคดียังไม่จบ ยังต้องติดตามตัวผู้ที่ยังหลบหนี และสอบสวนเพิ่มว่ายังมีใครเกี่ยวข้องอีก รวมถึงอาจจะสอบไปถึงเครือข่ายของบังฟิตที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งอาจจะขยายผลไปถึงการยึดทรัพย์ในอนาคต ในส่วนของตัวผู้ต้องหาที่ได้มา วันที่ 24 พ.ค.นี้ จะต้องส่งฝากขัง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัวไว้ก่อน เพราะดำเนินคดีในข้อหาที่มีโทษสูงสุด.

ที่มา:thairath