เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 25 มกราคม 2565 ขณะที่ พ.ต.ท.ศิริชัย โพธิจักร สว.สอบสวน สภ.ห้วยหลวง อ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภ.จ.อุดรธานี ว่ามีเหตุคนผูกคอตายภายในบ้านเลขที่ 274 หมู่ 3 บ้านอีหลุ่ง ต.เชียงยืน อ.เมืองอุดรธานี จึงพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบชาวบ้านมุงดูจำนวนมาก บริเวณห้องโถงกลางบ้าน พบศพนายศิริมงคล หรือแซ็ก อายุ 24 ปี ใช้สายสะพายกระเป๋าสีขาวผูกคอกับขื่อ สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ โดยมีแม่และพี่สาวร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศก ตรวจสอบรอบบริเวณไม่พบร่องรอยการต่อสู้ เจ้าหน้าที่นำร่างลงมาตรวจสอบ ตามร่างกายก็ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย เสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจด้วยการผูกคอมาประมาณ 2-3 ชม.
แม่และพี่สาวผู้ตายเสียใจร่ำไห้เศร้าโศกปานจะขาดใจจนเป็นลมหมดสติ ญาติพี่น้องต้องช่วยกันปฐมพยาบาล พอฟื้นขึ้นมาก็ร้องไห้ฟูมฟาย และรำพึงรำพันต่างๆ นานา
นายถนอม อายุ 55 ปี พ่อเลี้ยงผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้พบศพเป็นคนแรก เล่าว่า ผู้ตายเคยติดคุกข้อหาลักทรัพย์ 2 ปี พ้นโทษออกมาเมื่อวานนี้ เช้าวันนี้ผู้ตายยังนั่งกินข้าวเช้ากับพ่อแม่ตามปกติ และได้ออกมาช่วยพ่อแม่ทำงานก่อสร้างใกล้บ้าน พอพักเที่ยงผู้ตายได้ขี่รถจักรยายนต์กลับมาบ้าน และไม่กลับไปช่วยงาน ต่อมาตนรู้สึกปวดท้องอุจจาระ จึงกลับมาเข้าห้องน้ำที่บ้าน เมื่อเปิดประตู้เข้ามาก็พบผู้ตายผูกคอห้อยโตงเตงอยู่กลางบ้าน จึงรีบโทรศัพท์ไปบอกเมียและลูก
ทางด้าน น.ส.บุญปรางค์ อายุ 53 ปี แม่ผู้ตาย ร่ำไห้แทบจะขาดใจ ก่อนจะเล่าทั้งน้ำตาว่า ตนมีลูก 3 คน ลูกสาว 2 คน ผู้ตายเป็นลูกชายคนสุดท้อง เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อวานนี้ ตนและน้าได้ไปรับที่เรือนจำ ผู้ตายสัญญาว่าจะเป็นคนดี เลิกสิ่งไม่ดีทุกสิ่งทุกอย่าง และจะไปเป็นทหาร
เช้าวันนี้ผู้ตายยังได้ไปช่วยพ่อและแม่ทำงานก่อสร้าง ถึงเที่ยงวันได้ขอเงินแม่ 100 บาท แล้วขี่รถจักรยานยนต์ออกมา บอกว่าจะไปซื้อขนม แล้วไม่กลับมาช่วยทำงาน คิดว่าจะไปนอนพักผ่อนในบ้าน กระทั่งพ่อกลับมาบ้านก็พบผูกคอตายแล้ว
ส่วน น.ส.พรทิพย์ อายุ 34 ปี พี่สาว เล่าว่า น้องเคยเกเร ดื่มเหล้า เสพยา เคยติดคุกคดีลักทรัพย์รถบรรทุกสิบล้อมาก่อน พอพ้นโทษกลับมาถึงบ้าน น้องบอกว่าจะเลิกหมดทุกอย่าง จะเป็นคนดี แต่ก็มาคิดสั้นผูกคอตาย ส่วนสาเหตุที่คิดสั้น คิดว่าจะกลัวชาวบ้านรังเกียจที่เคยติดคุกมาก่อน ญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต จึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
ที่มา sanook