ทุบกระปุกใบสุดท้าย ทุ่มลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สวนกระแสโควิด สำหรับ เปิ้ล นาคร ศิลาชัย และจูน กษมา ภรรยา ซึ่งร่วมทุนกับบริษัทจากเกาหลีใต้ทำธุรกิจนำเข้าสินค้าแท้ถูกและดีส่งตรงจากเกาหลี

โดย เปิ้ลและจูน ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน หลังเซ็นสัญญา MOU กับรองประธานหอการค้าเกาหลี ที่ไบเทค บางนา พร้อมเผยถึงเหตุที่กล้าทุ่มเงิน 100 ล้านในสถานการณ์โควิด พร้อมขยายธุรกิจร้านอาหารเพิ่มอีก 2-3 สาขาในปีนี้ แม้ราคาหมูแพง แต่ขอแบกรับภาระแทนลูกค้าเอง

โดย เปิ้ล เผยว่า “ตื่นเต้นครับในรอบหลายปีมาแล้วที่มาดามกัสก้าเราจะเคลื่อนไหวแบบเบาๆ ตามสถานการณ์โควิด เรียกว่า 2 ปีกว่าแล้วที่เราเผชิญอยู่ในวิกฤตสถานการณ์โควิด คนค้าขายค่อนข้างยากลำบาก โดยเฉพาะแม่ค้าออนไลน์ หรือว่าคนชอบไปช็อปปิ้งต่างประเทศ ออกไม่ได้ เคยไปหิ้วของมาขายก็ลำบากมาก เพราะฉะนั้นวันนี้บริษัทมาดามกัสก้า แม่จูนเล็งเห็นว่าจุดที่มันลำบากแบบนี้ เราจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ยังไงบ้าง จูนเขาก็เลยคิดเรื่องของการลงทุนขึ้นมา นั่นคือการร่วมทุนกับนักลงทุนชาวเกาหลี เพราะเราก็มีความผูกพันเกี่ยวกับสินค้าเกาหลีมานานแล้ว”

จูน กล่าวว่า “จูนก็เป็นแม่ค้าขายของมาตลอดเวลาก่อนจะมาเจอเขาอยู่แล้ว เราก็โชคดีที่มีพันธมิตรที่ดี เรามีเพื่อนที่ดี เป็นโอกาสจังหวะที่เราควรจะต่อยอดเป็นระยะยาว ได้โอกาสตรงนี้ต่อยอดธุรกิจที่ตัวเองมีกับพันธมิตรที่เราคบหากันมานานแล้ว มาร่วมมือกันทำตรงนี้เป็นธุรกิจที่เราลดขั้นตอนของแม่ค้าที่ไปเกาหลีไม่ได้ จะเอาเข้ามาก็ยากเหลือเกิน เรามีโอกาสตรงนี้ แล้วพาร์ตเนอร์ของจูนอยู่เกาหลีอยู่แล้ว เราเอาเข้ามาได้ง่าย เป็นของแท้ ถูกและดีไม่ต้องผ่านอะไรใครเลย ปลอดภัยแน่ๆ”

เปิ้ล : “ก็ถือว่าเป็นการร่วมทุน มีการลงทุนระหว่างจูนและพาร์ตเนอร์ของเรา ลงทุนร่วม 100 ล้านบาท โคกับบริษัทที่มีชื่อเสียง นั่นก็คือบริษัท Rowon Holdings เป็นบริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สินค้าของเกาหลีทั้งประเทศเลย เป็นบริษัทค่อนข้างใหญ่ก็ร่วมกันกับมาดามกัสก้า เราก็จะนำของแท้ถูกและดีส่งตรงจากดงเกาหลีมา ในขณะเดียวกันก็เอาของเขามาขายได้ในราคาที่น่ารักมาก เพราะว่าแม่จูนกับพาร์ตเนอร์ของเราลงทุนไปร่วม 100 ล้านบาท มันถือว่าเป็นการเริ่มต้น มันทำให้ต้นทุนลดลง เพราะฉะนั้นคนที่จะมาเอาของที่แม่จูนไปขายต่อได้ก็จะได้ราคาที่ถูกไปจนถึงผู้บริโภค สุดท้ายคนที่จะซื้อของก็จะได้ของที่ถูกลงด้วย ตรงนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า สร้างเศรษฐกิจด้วยให้คนไทย แม่ค้าแม่ขายออนไลน์ได้มีเงินทุนหมุนเวียนโดยที่ไม่ต้องลงทุนเป็นล้านลงทุนเป็นหมื่นเป็นแสนก็มาซื้อของไปขายได้ เพราะเราลงทุนไว้เยอะแล้ว ถือเป็นไอเดียที่ดีของแม่จูน”

ทำไมเรากล้าลงทุนในขณะเศรษฐกิจบ้านเราสั่นคลอน? เปิ้ล : “คือ ณ ตอนนี้ผมเชื่อว่ามันไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้แล้ว ถ้าเรารอจนกว่าแผลจะหายดี มันไม่ได้ มันอีกนาน เราให้กำลังใจคนไทยทุกคนเลยมาเชื่อพร้อมกันเถอะครับว่าชีวิตเรากำลังจะดีขึ้น เศรษฐกิจเราถึงแม้มันจะดีขึ้น หืม พูดแบบนี้ได้ยังไงวะ กูลำบาก แต่ทุกคนช่วยกันทำมาหากินแล้วไม่ยอมแพ้มัน ผมเชื่อว่าขายคนละเล็กละน้อยทำมาค้าขายมันก็ได้บาทสองบาทสิบบาทร้อยบาทยังไงมันก็ต้องได้ ถ้าเราไม่ยอมแพ้มัน เราอย่าไปคิดว่าฉันแย่ ฉันจะตายแล้ว ปล่อยตัวเองให้จมน้ำตาย ไม่ได้ ทุกคนเชื่อเถอะขยับเท้าได้ขยับเท้า ว่ายได้ว่าย แล้วเราจะไม่จมน้ำตายไปตามความกลัว เพราะฉะนั้นเราอย่ากลัว”

เปิ้ล : “จูนและพาร์ตเนอร์มีศักยภาพที่จะสามารถช่วยให้คนทำมาค้าขายโดยไม่ต้องลงทุนเยอะได้ มาวันนี้เป็นแค่เริ่มต้น ซึ่งบริษัท Rowon Holdings เป็นบริษัทที่เก่าแก่ของเกาหลีมีชื่อเสียง เพราะฉะนั้นเราเชื่อมั่นในมาตรฐาน เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยกับเกาหลีที่ต่างคนต่างเชื่อกัน เชื่อว่ามันต้องไปได้ดี”

จูน : “คาดหวังว่ามันต้องไปได้ เพราะจริงๆ สินค้าของเรามารอแล้ว เรานำมาเรียบร้อยแล้วพักไว้อยู่ที่บางนา โกดังของเรา ตอนนี้มาบอกกับสื่อมวลชน และวางแผนว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ ยังไง อาทิตย์หน้าจะเริ่มเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว จริงๆ เราไลฟ์ขายมาตลอดอยู่แล้ว”

เปิ้ล : “วันที่ 27 ม.ค. นี้ เวลา 1 ทุ่มตรงเป็นการเปิดตัวเพจครั้งแรกของแม่จูนขายส่ง เพจแม่จูน ขายส่ง มาตรงๆ จากดงเกาหลี คนอยากจะซื้อปลีกเอาไปลองใช้ดูก็รอดูได้เลย ขอฝากอย่าลืมโปรเจ็กต์นี้ มาดามจูนเราจะไลฟ์กันในวันที่ 27 ม.ค. ที่เพจแม่จูนขายส่ง ของแท้ส่งตรงจากดงเกาหลี แล้วเจอกันนะครับ”

โปรเจ็กต์นี้เพิ่งเกิดขึ้นมา หรือมีมามานานแล้วแต่เลื่อนมา? เปิ้ล : “เราเตรียมตัวไว้ระยะหนึ่งแล้ว ค่อยๆ ทำมา คือดูแล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้โรคระบาดมันค่อยๆ ยังชั่วแล้วมั้ง น่าจะดีขึ้น เพราะฉะนั้นทุกคนต้องลืมตาอ้าปาก ขยับแขนขยับขาต้องสู้กับมันแล้ว หยุดอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว เราขออนุญาตเป็นตัวนำเริ่มก่อน อย่าไปรอให้ทุกอย่างมันคอมพลีต รอทุกอย่างมันสงบนิ่งแล้วค่อยเริ่มไม่ได้ ฝากบอกทุกคนเลยนะ ขยับแขนขยับขากันได้เลยตอนนี้”

ทุบกระปุกใบสุดท้ายจริงไหม? เปิ้ล : “ใบสุดท้ายไหม ก็บอกตรงๆ ว่าค่าเทอมสี่ออทั้งนั้น (หัวเราะ) จริงๆ เป็นการลงทุน เรามีการลงทุนอยู่ในหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจร้านอาหาร เร็วๆ นี้จะมีการลงทุนเปิดร้านอาหารเพิ่มอีก 2-3 ร้านอาหารในปีนี้ต้องเปิดเพิ่มขึ้นมาอีก นั่นก็คืออีกธุรกิจหนึ่ง และธุรกิจนี้ของแม่จูนเขา”

เปิ้ล : “อย่างที่บอกทางเกาหลีเอง เขาก็อยากได้โปรดักต์ของทางบริษัทไทยไปขายด้วยเหมือนกัน รัฐบาลเกาหลีเขาจะสนับสนุนมาก ดันเลย แทบจะส่งของให้เราไปขายฟรีๆ เลยจากเงินรัฐบาลเอง เขาจะมีอะไรแบบนี้มาเสมอ ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี และช่วยคนไทยด้วย”

จูนรับบทแม่ค้าออนไลน์? จูน : “จริงๆ รับบทมานานแล้วอาจจะเต็มตัว จูนไม่ได้ถนัดไม่ได้เก่งเรื่องค้าขายไลฟ์เหมือนพี่ๆ คนอื่น แต่ก็ทำให้เต็มที่ จะเป็นกระบอกเสียงว่าสินค้าที่นำเข้ามาทั้งหมดมีอะไรบ้าง ใครชอบสินค้าตัวไหนจะปลีกจะส่งจูนขายให้ทุกคน เข้ามาคุยมาดูคุยกันได้หมดค่ะ”

เปิ้ล : “ตอนนี้กระแสของแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์มันแรงมาก เรียกว่าแทบจะเป็นเมนหลักของอาชีพหนึ่งของคนไทยไปแล้ว เพราะฉะนั้นจูนเขาก็ทำเพราะอยากเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ในตลาดนี้ก็จะมีคนขายเก่งๆ ทั้งนั้นเกิดขึ้นมากมาย จูนลงไปทำแล้วก็ถอยออกมา แล้วคิดว่ากลับมาเป็นนักลงทุนกับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ดีกว่า บวกกับคอนเน็กชั่นของจูนเขาด้วย มีคอนเน็กชั่นตรงกับเกาหลี เดี๋ยวก็จะมีประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายๆ ประเทศ ก็คงจะไปพูดคุยทำสัญญาให้เกิดธุรกิจที่มันใหญ่ขึ้น แล้วก็เร็วๆ นี้จะมีโปรเจ็กต์เซอร์ไพรส์ครับอันดับหนึ่งของเกาหลีเลยเกิดขึ้นกับบริษัทมาดามกัสก้าแน่นอน เร็วๆ นี้อีกไม่นาน นี่แค่จั่วๆ เกริ่นน้ำจิ้มก่อน ตอนนี้เริ่มต้นแล้วเร็วๆ นี้จะเจอโปรเจ็กต์ที่สนุกกว่านี้แน่นอน”

โปรเจ็กต์ร้านอาหารที่กำลังจะเกิดขึ้น? จูน : “ร้านที่เราทำอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าไปขยาย ราชพฤกษ์ บางนา ให้ได้ทานกันทั่วๆ เพราะว่าตอนนี้เรามีแค่ 2 สาขา”

เปิ้ล : “โปรเจ็กต์ร้านอาหารเดิมทีเราก็ไม่ได้คิดว่าจะทำมาใหญ่โต เหมือนเป็นครัวของบ้านเราเอาไว้ต้อนรับเพื่อนๆ แต่พอมันเกิดโควิด ไอ้โควิดนี่แหละที่มันมาถีบเราลงน้ำ มันถีบเราลงน้ำทำให้เราต้องตะกาย ต้องว่ายน้ำเอาตัวรอด จะเอาตัวรอดให้ได้ยังไง หนึ่งสาขาตายแน่ ก็เลยเปิดอีกสาขาก็ค่อยยังชั่ว มันก็มีเงินมาเลี้ยงลูกน้องมากขึ้น เราก็มานั่งคิดตัวเลขมันได้ เพราะฉะนั้นมันก็เลยเกิดโปรเจ็กต์ว่า อาชีพร้านอาหารนี่แหละจะเป็นอีกอาชีพหลักของครอบครัวเรา เราจะทำจนวันตาย เพราะฉะนั้นก็เลยเกิดไอเดียที่จะเปิดร้านอาหารเพิ่มขึ้นมาอีก ในปีนี้ทั้งหมดน่าจะได้ 5 ร้านอาหารด้วยกัน เพราะตอนนี้เรามีอยู่สองแล้ว”

แสดงว่าหมูแพงทำอะไรเราไม่ได้เลย? จูน : “ทำ ทำมากๆ เลยค่ะ จริงๆ เราเปิดร้านอาหารมาเกือบ 15 ปี เราก็ถนัดงั้นเราก็ทำสิ่งที่เราถนัดต่อไปดีกว่า ส่วนหมูแพงใช่ไหม กระทบค่ะ”

ขึ้นราคาอาหารไหม? จูน : “ไม่ขึ้นค่ะ ร้านจูนไม่ได้ขึ้นราคา
เปิ้ล : “พี่เปิ้ลเองอายุก็เยอะแล้ว เจออาหาร ของแพงมาไม่รู้กี่รอบๆ แล้ว เจอมันทุกรัฐบาล เจอจนแบบว่า นี่อะไรเนี่ย”
จูน : “เดี๋ยวโดนอีก อย่าไปแตะเขาสิ”
เปิ้ล : “เจอมาตั้งแต่เด็กจนโต เอางี้ดีกว่ามันขึ้นเดี๋ยวมันก็ลง แล้ววันนี้เรามาทำธุรกิจนี้มันก็ขึ้นมาอีก”
จูน : “จริงๆ มันมีวนลูป เพราะถ้าร้านอาหารจะรู้ว่ามันเริ่มสัญญาณมาแล้วแล้วมันก็จริงด้วย แล้วเจอแบบนี้หลายรอบแล้วค่ะ”
เปิ้ล : “เจอมาทั้งชีวิต เจอเยอะกว่าจูน เพราะพี่เปิ้ลแก่กว่าจูนรอบหนึ่ง ก็เลยมานั่งคิดว่ากูไม่รู้จะตีโพยตีพายไปทำไม ลุยไปข้างหน้าดีกว่า
จูน : “ก็รับภาระเอาไว้ นโยบายของเราแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่ร้านเปิดเราก็ไม่เคยเอาอะไรไปลงให้กับลูกค้าหรือว่าลงกับพนักงาน เราก็ได้แค่บ่นแล้วแค่ถอนหายใจแต่ทำยังไงได้ เราก็ต้องรับภาระตรงนี้ไป ในเมื่อลูกค้าไม่ได้มาเกี่ยวอะไรอยู่แล้ว ลูกค้าก็อยากมาทานร้านจูน จูนขายราคาเดิมเท่าเดิมปริมาณเท่าเดิม ไม่เคยขึ้นแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ก็เอาเงินค่าเทอมลูกซื้อหมูไป”

เปิ้ล : “เรื่องของเรื่องก็คือ พอราคามันขึ้น เท่ากับกำไรเราน้อยลง เรายังมีกำไรอยู่ครับ เพราะฉะนั้นกำไรน้อยลงถ้าเราไปขึ้นราคาอาหารอีก กรรมมันจะไปตกอยู่ที่ลูกค้าที่มากิน ก็ไม่เป็นไร เราขอแบกรับไว้เองดีกว่า เพราะวันที่มันกลับมาตามปกติ กำไรมันก็จะได้ตามเปอร์เซ็นต์ที่วางไว้อยู่แล้ว เราเจ็บมาแล้วไง เจ็บมาเยอะ วันนี้ไม่ได้เจ็บเลย แต่เจ็บลงมานิดหน่อย เราก็ต้องทนเพื่อพนักงานของเราอยู่ได้ เพื่อลูกค้าของเรากลับมากินได้ ไม่เป็นไร ค่าเทอมลูกก็ลดลงนิดนึง”

คาดว่าจะต้องแบกรับไปอีกนานแค่ไหนถึงจะกลับมาปกติ เราจะยังไหวอยู่ไหม? เปิ้ล : “ถามว่าจะแบกรับการขึ้นราคาไปอีกนานแค่ไหน อันนี้เราไม่ทราบจริงๆ ว่ามันจะไปถึงไหน ใครทราบช่วยบอกด้วยแล้วกัน เราจะได้กำหนดได้”
จูน : “เปลี่ยนเรื่องๆ เรื่องของเขา”
เปิ้ล : “ไม่ๆ อันนี้พูดตรงๆ ถ้ารู้ว่าขึ้นถึงเดือนนี้พอแล้วเดี๋ยวจะลง บอกด้วย กูจะได้รู้ แต่ถ้าไม่บอกเลยไปเรื่อยๆ เปิ้ลใจเย็นๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ได้นะ อันนี้ก็ไม่ไหวนะ”

ต้องไปบนไหม เหมือนที่บนให้ลูก? เปิ้ล : “บอกเลยถ้าราคากลับมาลงแล้วปกตินะ เดี๋ยวจะไปรำแก้บนอีกรอบหนึ่ง บนไว้ขอให้หมูเลิกแพง เลิกแพงแล้วกลับมาราคาเดิมเดี๋ยวจะขึ้นไปพญานาค อุ๊ย พูดไปแล้ว”

ที่มา khaosod