ตร.ภาค 7 และ สภ.หัวหิน รวบ 4 ผู้ต้องหาหลอกขายโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล ผู้เสียหายหลายสิบรายหลงเชื่อโอนเงินให้แต่ไม่ได้สลากฯ เข้าแจ้งความ จนถูกออกหมายจับคดีฉ้อโกงประชาชน เสียหายรวมกว่า 30 ล้าน

วานนี้ (30 ม.ค. 2565) ที่ สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภาค 7 พ.ต.อ.วิธิวัฒน์ ศรีทองจ้อย รอง ผบก.ภ.ประจวบฯ พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.หัวหิน ร่วมแถลงข่าวจับกุม 4 ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงประชาชน มีนายภาณุพงศ์ หรือ ชีส ชุมภารี อายุ 24 ปี เจ้าของร้านขายสลากกินแบ่งรัฐบาล “ล๊อตโต้ชีสหัวหิน” ตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหิน ที่ จ.5/2565 นายบัณฑิต หรือ ปอง เฟื่องฟู อายุ 23 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหิน ที่ จ.6/2565 นายอนุสรณ์ หรือ กอล์ฟ ชุมภารี อายุ 29 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหิน ที่ จ.7/2565 และนายอนุชา หรือ แซม ทุ่งคำ อายุ 33 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหินที่ จ.8/2565 โดยมีผู้เสียหายจำนวนมากรุมดูตัว

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้น นายภาณุพงศ์ นายบัณฑิต และนายอนุสรณ์ ร่วมกันชักชวนประชาชนพร้อมประกาศข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ว่ามีโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลจากผู้ใหญ่คนหนึ่งมาจำหน่ายให้ในราคาถูกใบละ 78-79 บาท ซึ่งมีคนหลงเชื่อส่วนใหญ่ในอำเภอหัวหินและพื้นที่ใกล้เคียงหลายสิบราย โอนเงินสั่งจองโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งช่วงแรกจะได้สลากกินแบ่งรัฐบาลตามที่สั่งซื้อ ต่อมาเมื่อผู้เสียหายสั่งซื้อสลากจำนวนเงินเพิ่มมากขึ้น กลุ่มผู้ต้องหาได้เงินไปแล้ว แต่กลับไม่ได้มีการส่งมอบสลากให้ผู้เสียหายตามที่สั่งซื้อไว้

ผบช.ภาค 7 กล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อผู้เสียหายติดตามทวงถามเงินคืน นายภาณุพงศ์อ้างว่าได้โอนเงินสั่งซื้อสลากทั้งหมดให้นายอนุชาที่เป็นคนรับจัดหาโควตาสลากไปแล้ว แต่สุดท้ายไม่ได้ จึงพากันแจ้งความ คิดมูลค่าความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท สำหรับนายอนุชานั้น เคยมีประวัติคดีฉ้อโกงประชาชนใน จ.สุโขทัย ในพื้นที่ สน.สายไหม กรุงเทพฯ และยังก่อเหตุมาอีกหลายพื้นที่

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวด้วยว่า จากการสอบสวนขยายผล ทราบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายในพื้นที่ภาค 1 ภาค 3 และภาค 5 มูลค่าทรัพย์สินมากกว่านี้เป็นจำนวนมาก หากประชาชนทราบข่าวว่าจับผู้ต้องหาฉ้อโกงโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ คาดว่าจะมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มอีกซึ่งบางคนก็คาดหวังว่าจะได้เงินคืน หรือได้สลากกินแบ่งรัฐบาล พนักงานสอบสวนจะดำเนินการในทุกข้อหา ทุกมาตรการ อีกทั้งคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากและความเสียหายหลายสิบล้านบาท ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานของกฎหมายฟอกเงินด้วย คณะพนักงานสอบสวนได้ประสานแจ้งไปยังสำนักงานเลขาธิการ ป.ป.ง. เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาไว้อีกส่วนหนึ่ง และจะได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลต่อไปให้ถึงที่สุด.

ที่มา thairath