ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะเสม็ด ครวญคราบน้ำมันโผล่เกาะเสม็ด กระทบภาคท่องเที่ยวเสียหายหนัก วอนให้บริษัทเข้ามารับผิดชอบ เยียวยาสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ประกอบการ 150 ราย ถูกยกเลิกจองห้องพัก ขณะที่ “มงคลกิตติ์” ลงพื้นที่ติดตามผลกระทบจากคราบน้ำมันรั่ว ลั่นพร้อมยื่นมือช่วยดูผลกระทบการเยียวยาชาวระยอง

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 65 นางสริญทิพญ ทัพมงคลทรัพย์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ด จังหวัดระยอง กล่าวว่า กรณีพบคราบเขม่าสีดำคล้ายคราบน้ำมันโผล่ชายหาดบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด และมีรายงานว่าทิศทางของมวลคราบน้ำมันก้อนใหญ่อยู่ห่างฝั่งเกาะเสม็ด ประมาณ 4 กม. จ่อประชิดฝั่งเกาะเสม็ด ทำให้ภาคท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ด ได้รับความเสียหายหนักไม่ต่างจากภาคประมง ซึ่งผู้ประกอบการกว่า 150 ราย ห้องพักกว่า 4,000 ห้อง ถูกยกเลิกการจองเข้าพัก เนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะได้รับผลกระทบจากการลงเล่นน้ำทะเลหรือไม่ รวมทั้งอาหารทะเลจะปนเปื้อนด้วยหรือไม่ รวมทั้งผู้ประกอบการรถสองแถว รถมอเตอร์ไซค์ให้เช่า หาบเร่ ผู้ให้บริการนวดผ่อนคลาย ล้วนแต่ได้รับผลกระทบทั้งหมด ซึ่งการเยียวยา ภาครัฐจะต้องเป็นหัวหอกในการเข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วน เอาผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงมานั่งคุยกันหาข้อสรุปเยียวยาให้เหมาะสม

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้ทางป้องกันที่จริงจัง ไม่อยากให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งครั้งนี้เป้นครั้งที่สองแล้ว ภาครัฐต้องออกกฎหมายอีกฉบับ เนื่องจากแต่ละกระทรวงมีกฎหมายต่างกัน ต้องมีกฎหมายที่สามารถให้ผู้ก่อเหตุมีความผิดให้ได้ ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนด้วย อยากให้ทางบริษัทต้นเหตุ ลงมาในพื้นที่บ้าง ขณะนี้ยังไม่มีตัวแทนของบริษัทมาชี้แจงอะไรทราบบ้างเลย อยากให้เขามารับรู้ถึงผลกระทบที่บริษัทก่อเรื่องเอาไว้ ไม่ใช่ทิ้งให้เป็นภาระของพวกเรา การเยียวยายังไม่มีการพูดถึง ยังไม่ส่งคนมาดูพื้นที่ในชุมชน ที่ได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้แม้แต่น้อย” นายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ดกล่าว

ขณะเดียวกัน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์คราบน้ำมันรั่วไหลที่บริเวณหาดแม่รำพึง ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง โดยได้สอบถามเจ้าหน้าที่และกำลังทหารที่มาช่วยกำจัดคราบน้ำมันบริเวณชายหาด พร้อมสอบถามประชาชนที่เดินทางมาร้องทุกข์ที่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันรั่วไหลดังกล่าวด้วย

นายมงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า หลังลงมาจุดน้ำมันรั่วที่กระทบชายหาดแม่รำพึงแล้ว ตนจะนั่งเรือเดินทางไปดูจุดเกิดเหตุน้ำมันรั่ว เพื่อดูสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ และดูว่าน้ำมันรั่วไหลจริงๆ เท่าไรกันแน่ และดูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนมากน้อยแค่ไหน และการชดเชยเยียวยาในเบื้องต้นจะกี่ครอบครัว และปะการังจะเสียหายมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการเยียวยาของบริษัทฯ อาจจะช้า จำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาเยียวยาให้ก่อน รายได้ขาดหายไปเท่าไรภายในเดือนนี้ต้องให้ประชาชนได้ทันที อย่างไรก็ตาม กรณีปัญหาคราบน้ำมันรั่วไหลที่จังหวัดระยองครั้งนี้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้ง ซึ่งครั้งที่แล้วผู้ได้รับผลกระทบยังได้รับการเยียวยาไม่ครบ ล่าช้า ซึ่งจะได้นำปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งกระทู้ถามในการประชุมสภาฯ ต่อไป.

ที่มา thairath