เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวแถลงผลงาน 7 ปีของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ผ่านโครงการสำคัญ 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.การบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน ให้ประชาชนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงได้ฟรี ครอบคลุมทั่วประเทศ 44,352 หมู่บ้าน

นายชัยวุฒิกล่าวว่า ในจำนวนนี้เป็นการดำเนินการภายใต้โครงการเน็ตประชารัฐของกระทรวงดิจิทัล 24,700 หมู่บ้าน และต่อยอดสู่นโยบายการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ในพื้นที่ชุมชนเพิ่มมากขึ้นผ่านโครงการ “ศูนย์ดิจิทัลชุมชน” ผลักดันให้อินเตอร์เน็ตนำคนจากทุกชุมชนเข้าถึงโลกดิจิทัล ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ปัจจุบันมีศูนย์ดิจิทัลชุมชนอยู่ประมาณ 500 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนขยายให้มีจำนวนรวมไม่น้อยกว่า 2,520 แห่ง

นายชัยวุฒิกล่าวว่า 2.การพัฒนาและส่งเสริม 5G ของประเทศไทย โดยถือเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการเปิดประมูลคลื่นความถี่ 5G (700 MHz 2600 MHz และ 26 GHz) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และเริ่มทยอยเปิดใช้งานตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมทั้งมีการกำหนดแนวทางขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ 5G ภายใต้แนวนโยบายและการกำกับดูแลของคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

3.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ‘สังคมไร้เงินสด’ (Cashless Society) เตรียมพร้อมให้ประชาชนในทุกระดับเข้าถึงประโยชน์จากการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างบริการพร้อมเพย์ (PromptPay) จนมาถึงแอพพลิเคชั่น ‘เป๋าตัง’ ซึ่งเป็นช่องทางที่ช่วยให้คนไทย ถือเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ปัจจุบันคนไทยทุกกลุ่ม สามารถทำธุรกิจและทำการติดต่อค้าขายทางออนไลน์ได้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้งมีการพัฒนากฎหมายที่รองรับการประกอบธุรกรรมทางออนไลน์

“เห็นได้ว่าในช่วงหลัง ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มมีความคุ้นเคยกับการทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบออนไลน์ในรูปแบบ internet และ mobile banking หรือ e-payment ต่างๆ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดคือการพัฒนาระบบพร้อมเพย์ของรัฐบาล และแอพพ์เป๋าตัง ที่ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของประเทศในการปรับตัวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด และเอื้ออำนวยให้การทำธุรกรรมต่างๆ เป็นไปโดยง่ายและสะดวกมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะสามารถรองรับการเติบโตของ e-commerce ในอนาคตได้เป็นอย่างดีด้วย” นายชัยวุฒิกล่าว

นายชัยวุฒิกล่าวว่า 4.การวางโครงสร้างพื้นฐานด้านธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ส่งเสริมให้เกิดระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนในการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน (Digital Identification) อีกทั้งขับเคลื่อนนโยบายเรื่อง e-document e-signature และ e-timestamp และมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อพัฒนาให้ประเทศไทยไปสู่การเป็นสังคมไร้กระดาษ

นายชัยวุฒิกล่าวว่า และ 5.การพัฒนาสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล วางเป้าหมายเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ให้รับบริการจากภาครัฐเป็นไปได้โดยง่าย สะดวก ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องเดินทางมาถึงสำนักงาน ซึ่งในอนาคตรัฐบาลจะพัฒนาการบริการภาครัฐให้เป็นระบบอัตโนมัติ โดยประชาชนไม่ต้องร้องขอด้วย

“ตลอด 7 ปีของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ มีแต่ความก้าวหน้า ไม่เคยก้าวถอยหลังหรือล้าหลัง ให้อิสระในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีโซเชียล ไม่เคยห้ามการแสดงความคิดเห็น การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์/สื่อโซเชียล แต่คนใช้โซเชียลก็ต้องโพสต์สิ่งที่ไม่สร้างความเสียหายต่อคนอื่นๆ ด้วย” นายชัยวุฒิกล่าว

ที่มา MATICHON