หนุ่มร้องตร. สูญเงินเกือบแสน โดนผัวเมียแสบ ตุ๋นขายใบกระท่อมผ่านโซเชียล ทวงถามกลับบ่ายเบี่ยง อ้างสารพัด คาดผู้เสียหายเพียบ

วันที่ 7 ก.พ. 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายเอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.กริช เพ็ชรสิมาลัย สว.(สอบสวน) สน.บางโพงพาง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ว่า ถูกสามีภรรยาชื่อ นายเชรษฐ(นามสมมติ) และ น.ส.เล็ก (นามสมมติ) หลอกลวงฉ้อโกงเงินไปจำนวน 71,000 บาท หลังจากที่ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2565 ที่ผ่านมานายเอ พบ น.ส.เล็ก (นามสมมติ) อายุประมาณ 38-40 ปี

โพสต์ข้อความลงในโซเชียลว่ามีใบกระท่อมราคาถูกกว่าท้องตลาด จึงหลงเชื่อ สั่งซื้อใบกระท่อมไป 50 กก. ในราคา 16,000 บาท เพื่อนำมาขายต่อ และได้โอนเงินค่ามัดจำให้ น.ส.เล็กไป 8,000 บาท และ น.ส.เล็กไม่ยอมส่งใบกระท่อมมาให้ตามที่ตกลงกันไว้

เมื่อนายเอพยายามทวงถาม น.ส.เล็ก กลับบ่ายเบี่ยง และอ้างว่า ตัวเองกับสามีทำธุรกิจหลายอย่าง มีเงินหมุนเวียนหลักล้านต่อวัน ขับรถเบนซ์ป้ายแดง ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกโกง

และอ้างกับนายเอว่ามีสินค้าใบกระท่อมเป็นจำนวนมากอยู่ทาง อ.ไทรโยค และ อ.สังขละบุรี ให้นายเอ ไปพบกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อรับใบกระท่อมตามที่สั่ง จากนั้น วันที่ 16 ม.ค.2565 นายเอ จึงเดินทางไปที่ปั๊มดังกล่าวที่ อ.ไทรโยค

พร้อมกับครอบครัว ตามที่ น.ส.เล็กนัดหมายไว้ เมื่อนายเอ ไปถึงที่ปั๊มน้ำมัน ได้พบกับ น.ส.เล็ก แต่ระหว่างทางที่กำลังมุ่งหน้าไป อ.ไทรโยค น.ส.เล็ก กลับโทรมาบอก นายเอ ว่า ไม่มีใบกระท่อมแล้ว ต้องไปที่อ.สังขละบุรี เพื่อรับใบกระท่อม

ขณะนั้น น.ส.เล็ก และสามีคือ นายเชรษฐ ได้หว่านล้อมให้ นายเอ ขึ้นรถไป โดยที่ น.ส.เล็ก และสามี ไม่ยอมให้ ครอบครัวของ นายเอ ขับรถตามไปที่ อ.สังขละบุรีด้วย และให้รออยู่ที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าว ก่อนที่ น.ส.เล็ก และนายเชรษฐ จะรีบพานายเอขึ้นรถไป ทั้งๆที่ทางครอบครัวของนายเอ พยายามรั้งไว้ ไม่ให้พานายเอไปที่ อ.สังจละบุรี เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตราย เพราะไม่เคยรู้จักกับน.ส.เล็ก และนายเชรษฐมาก่อน

เมื่อนายเอขึ้นรถไปกับ น.ส.เล็ก และนายเชรษฐ เพื่อไปที่ อ.สังขละบุรี เพื่อไปรับใบกระท่อม ตามที่ได้ตกลงและจ่ายเงินค่ามัดจำไว้ แต่ กับ น.ส.เล็ก และนายเชรษฐ กลับพานายเอ ไปที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ขณะนั้นนายเอ พยายามถามทั้งคู่ว่าจะพาไปไหน น.ส.เล็ก และนายเชรษฐ จึงบอก นายเอว่า ต้องข้ามไปฝั่งเมียนมา

ทางด้านหลังรีสอร์ต เพื่อไปพบกับชาวเมียนมาที่ส่งใบกระท่อมมาให้ น.ส.เล็ก และนายเชรษฐ ขาย ทั้งๆไม่ได้แจ้งนายเอให้ทราบล่วงหน้ามาก่อนว่า จะต้องมีการข้ามชายแดน

และทางครอบครัวนายเอ ซึ่งรออยู่ที่ปั๊มน้ำมัน ก็พยายามติดต่อหานายเอตลอดเวลา ด้วยความเป็นห่วงแต่ น.ส.เล็ก และสามี กลับบาอกนายเอว่า ให้ข้ามไปดูใบกระท่อมก่อน และหว่านล้อมให้ นายเอ สั่งใบกระท่อมเพิ่มอีก 250 กก. รวมทั้งหมดเป็น 300 กก. และใหห้นายเอ โอนเงินให้นายเชรษฐ ทั้งหมด 78,000 บาท ด้วยความกลัวที่จะไม่ปลอดภัย นายเอจึงยอมโอนเงินไปให้ รวมทั้งหมดเป็ย 86,000 บาท และไม่มีการส่งใบกระท่อมให้แต่อย่งาใด

ที่ผ่านมานายเอ พยายามทวงถามอยู่หลายรอบ แต่ น.ส.เล็กและนายเชรษฐก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด โดยยอมโอนเงินคืนเพียง 15,000 บาท และหายเงียบไป เมื่อนายเอพยายามทวงถาม น.ส.เล็กก็มีข้ออ้างสารพัด เมื่อให้ญาติ โทรศัพท์ติดต่อไปทวงถามเงิน

กลับถูกน.ส.เล็ก ต่อว่าและ นายเชรษฐ์ ขู่จะทำร้ายร่างกาย ทั้งนี้จากการตรวจสอบยังพบอีกว่า น.ส.เล็กเคยมีประวัติถูกแจ้งความ ทั้งในข้อหา ฉ้อโกง ปลอมแปลกเอกสาร ถึง 7 คดี ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี และกทม.

นายเอ เผยอีกว่า นอกจากตนเองแล้ว คาดว่ายังมีคนถูกหลอกในลักษณะนี้อีกหลายราย เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ให้รับแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.เล็ก และ นายเชรษฐ ที่ได้หลอกลวงฉ้อโกง โดยหลังจากนี้ตำรวจจะออกหมายเรียก น.ส.เล็ก และ นายเชรษฐ มาให้การกับเจ้าหน้าที่หากไม่มาพบ จะออกหมายจับและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ที่มา khaosod