สลด เหลน แทงย่าทวด วัย 71 ปี เสียชีวิตคาเตียง อ้างถูกผู้ตายบ่นก่อนมีปากเสียง ญาติ เผย เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ ตำรวจคุมตัวสอบปากคำเพิ่ม

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 7 ก.พ.2565 พ.ต.ท.พงษ์เดช ชูสงค์ สารวัตร(สอบสวน) สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายและมีผู้เสียชีวิต ภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.รุ่งสกุล บุญกระพือ ผกก.สน.ลาดพร้าว เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ

ที่เกิดเหตุเป็นอพาร์ตเมนต์สูง 5 ชั้น ที่ห้องเลขที่ 103 พบศพ น.ส.พิมพ์วรัชญ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 71 ปี อาจารย์พิเศษสอนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง สภาพถูกแทงด้วยอาวุธมีด นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน และพบ นายศุภโชติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี มีศักดิ์เป็นเหลนชายของผู้ตาย นั่งนิ่งอยู่บนพื้นภายในห้องข้างเตียง เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมพร้อมนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ลาดพร้าว

จากการสอบถาม นายธนาวิน (ขอสงวนนามสกุล) เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้อพาร์ตเมนต์ กล่าวว่า ทั้งสองคนพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งนี้มาหลายปีแล้ว มักจะชอบเดินผ่านหน้าบ้านอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทุกอย่างดูปกติ ไม่มีพฤติกรรมที่บ่งบอกว่าจะใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด ทั้งนี้ เคยได้ยินมาว่าผู้ก่อเหตุเคยรับการรักษาอาการเกี่ยวกับยาเสพติดขณะที่อยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งนี้ แต่ไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใด

ด้าน พ่อค้าร้านอาหารตามสั่งบริเวณใกล้เคียง เปิดเผยว่า ทั้งสองคนมักจะมาทานข้าวที่ร้านเป็นประจำ โดยผู้เป็นย่ามักจะมาทำอาหารให้หลานกินด้วยตัวเอง ส่วนเวลาที่มานั่งทานข้าวตัวเหลนชาย ก็จะมารยาทดี ยกมือไหว้เสมอ ไม่มีพฤติกรรมที่บ่งบอกว่ามีพฤติกรรมรุนแรงแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด หรือ อาการจิตเวชนั้น ก็ทราบข่าวมาบ้าง รวมถึงได้มีการพาไปบำบัดและหายแล้ว

เหลน แทงย่าทวด วัย 71 ปี เสียชีวิตคาเตียง อ้างถูกผู้ตายบ่นก่อนมีปากเสียง ญาติ เผย เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ
เหลน แทงย่าทวด วัย 71 ปี เสียชีวิตคาเตียง อ้างถูกผู้ตายบ่นก่อนมีปากเสียง ญาติ เผย เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบา

น้องชายผู้เสียชีวิต ซึ่งเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ผู้ตายเป็นย่าทวดของนายศุภโชค และได้เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก ๆ ส่วนสาเหตุคาดว่ามาจากอาการทางจิตเวช เนื่องจากเมื่อสิบปีที่แล้ว นายศุภโชคเคยถูกอดีตแฟนทำร้ายร่างกายใช้หินทุบที่ศีรษะจนบาดเจ็บสาหัส สมองได้รับความกระทบกระเทือน และเข้ารักษาอาการจิตเวชมาโดยตลอด ทานยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ตายพาไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่คาดว่าช่วงหลังอาจจะขาดการทานยา รวมถึงไม่ได้เข้ารับการรักษาจึงทำให้อาจเป็นสาเหตุของเรื่องนี้

น้องชายของผู้ตาย กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่นายศุภโชคเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ประเด็นนี้ตนไม่ทราบ ที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด ตัวนายศุภโชคเองก็จะเป็นคนเงียบ ๆ ชอบนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ พูดจารู้เรื่อง เคยให้ไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ และอยู่กับพ่อที่จ.ชลบุรี ก็สามารถทำได้

น้องชายของผู้ตาย กล่าวอีกว่า แต่หลังจากพ่อเสียชีวิตก็ไม่ได้ทำงานและกลับมาอยู่กับผู้ตายที่กรุงเทพฯ โดยตั้งใจจะพานายศุภโชคไปทำบุญที่ จ.ลำพูน ในวันที่ 8 ก.พ.นี้ และเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับผู้ตาย ก่อนจะนัดแนะมารับกันที่อพาร์ตเมนต์ เพื่อไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในช่วงเช้าวันนี้ แต่ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นก่อน

เบื้องต้นตำรวจควบคุมตัวนายศุภโชคไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สน.ลาดพร้าว จากการสอบสวนทราบว่าสาเหตุเกิดจากการมีปากเสียงกับผู้ตาย ส่วนจะมาจากเรื่องใดนั้นยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ พบว่า นายศุภโชคได้ออกไปซื้อมีด เมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุนายศุภโชคให้การว่า ปกติไม่ได้พักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งนี้ แต่มักจะเดินทางไปกลับระหว่างที่พักที่อื่น จนกระทั่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ได้ย้ายเข้ามาอยู่กับผู้ตาย แต่ก็ถูกผู้ตายที่มักจะบ่นจุกจิกต่อว่าบ่อยครั้ง ด้วยความเก็บกด จึงเดินทางออกจากที่พักไปซื้อมีด ก่อนจะลงมือก่อเหตุ

ที่มา khaosod.