คุณแม่สุดทน เจอศูนย์พี่เลี้ยงไม่ตรกปก ย้อมแมวพี่เลี้ยงมาดูแลลูก แฉเคยถูกสั่งปิด แต่แอบเปิดใหม่ เผยมีผู้เสียหายแล้วกว่า 10 ราย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 ก.พ.2565 นางพิชชารัศมิ์ เปิดใจกับ ‘ ข่าวสดออนไลน์ ‘ หลังจากที่ถูกศูนย์พี่เลี้ยงมิจฉาชีพหลอก โกงเงินค่าสัญญา ย้อมแมวพี่เลี้ยง และทราบมาว่าศูนย์นี้ เคยถูกศาลสั่งปิดมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่กลับมาเปิดใหม่ในชื่อของลูกสาว แถมยังทำพฤติกรรมเดิม พบผู้เสียหายกว่า 10 ราย

นางพิชชารัศมิ์ กล่าวว่า ตอนนั้นเรากำลังหาพี่เลี้ยงลูกที่มีอายุ 1 เดือน ได้พบศูนย์นี้ทางอินเตอร์เน็ต เราก็เลยลองคิดต่อไป แล้วก็ได้สัมภาษณ์พี่เลี้ยง โดยทางศูนย์และพี่เรียนแจ้งว่า มีประสบการณ์ในการเลี้ยงเด็กอ่อนเป็นเวลาหลายปี แล้วทำได้ทุกอย่างที่ต้องการ สามารถเลี้ยงลูกของเราได้จึงตัดสินใจทำสัญญา โดยตอนที่ทำสัญญา มีจ่ายค่าแรงล่วงหน้าครึ่งเดือนตามสัญญา

โดยพี่เลี้ยงคนนี้เงินเดือน 20,000 บาท และจ่ายเงินประกันสัญญาอีก 6 เดือน คือครึ่งนึงของเงินเดือนคือ 10,000 บาท รวมแล้วเราต้องจ่าย 20,000 บาท แต่ในสัญญาบอกว่าให้จ่าย 30,000 บาท และในสัญญาระบุว่า หากเราไม่พอใจพี่เลี้ยงสามารถเปลี่ยนกี่คนก็ได้ภายในเวลา 6 เดือน ซึ่งต้องแจ้งศูนย์ และศูนย์จะส่งพี่เลี้ยงกลับมาภายในระยะเวลา 10 – 15 วัน

นางพิชชารัศมิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อพี่เลี้ยงคนนี้มาเลี้ยงลูกให้เรา แค่ 2-3 วันก็รู้เลยว่า พี่เลี้ยงคนนี้ไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงเด็กอ่อน แล้วไม่ได้มีการอบรมใดใดมา ทั้งท่าอุ้มเด็กมือเดียน เขย่าเด็กไปมา ซึ่งน้องอายุแค่ 1 เดือน จึงทำไม่ได้เด็ดขาด นำน้ำที่ไม่ได้เตรียม สำหรับเด็กไปใส่ในขวดนมเพื่อให้เด็กรับประทาน และยังใช้สก๊อตไบรท์ขัดขวดนมจนเสียหาย พอเราไปถามพี่เลี้ยง ก็บอกว่าไม่ได้ทำ เมื่อเราไปตักเตือน เขาก็บอกว่าอึดอัด ไม่อยู่แล้ว จากนั้นก็ลาออกไป โดยที่ไม่รอให้ศูนย์ส่งคนมาก่อน

หลังจากนั้นเราก็ทวงถามไปที่ศูนย์ เจ้าหน้าที่ศูนย์พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคุยด้วย ไม่ว่าจะโทรไปเป็นกี่ 10 ครั้ง เขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะหาพี่เลี้ยงใหม่มาให้ ซึ่งตอนนี้พี่เลี้ยงที่เขาหามา ยังไม่เหมาะสม ผลัดไปเรื่อย ๆ จน 15 วันยังไม่ส่งคนมา เราจึงถามต่อไปว่า ถ้าหากผิดสัญญา เงินประกันจะคืนมาหรือไม่และพี่เลี้ยงคนนี้มาอยู่เพียงแค่ครึ่งเดือนแต่คุณเก็บเงินเราไปแล้วเต็มเดือน คุณจะต้องคืนเงินเราหรือเปล่า พยายามขอเจรจา

แต่เจ้าของศูนย์ก็ไม่สนใจ และมีพฤติกรรมด่าทอเข้ามาในโทรศัพท์ว่า ดูถูกคนแบบนี้ ทำกับพี่เลี้ยงแบบนี้ ใครจะไปอยู่ด้วยได้ ต่อมาทราบภายหลังว่า นายจ้างทุกคนจะโดนเจ้าของศูนย์คนนี้ตะโกนต่อว่ามาตลอด และเราก็ได้คอมเพลนทางศูนย์ไปว่า คุณส่งพี่เลี้ยงแบบนี้ ได้มีการอบรมหรือไม่

ทางศูนย์ก็บอกว่า ทำไมเขาจะเลี้ยงลูกคุณไม่ได้ เขาเลี้ยงมา 3 คนแล้ว เราจึงตอบกลับไปว่า เลี้ยงลูกของคุณเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่เลี้ยงลูกแบบนี้ไม่ได้มาตราฐานเลย เขาก็ตอบกลับมาว่า แล้วไม่ใช่คนเหมือนกันหรอ เราจึงตกใจว่าทำไมทัศนคติของเจ้าของศูนย์เป็นแบบนี้

“พอถึงสิ้นสุดความอดทน เราไม่สามารถติดต่อกับศูนย์ได้แล้ว จึงโพสต์เรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์ที่กลุ่มพี่เลี้ยงต่างๆทั้งหมด 3 กลุ่ม ปรากฎว่าภายในเวลา 1 สัปดาห์ มีผู้เสียหายทักมากว่า 10 ราย มีทั้งนายจ้าง พี่เลี้ยงที่ถูกหลอกมาทำงานแล้ยไม่ได้ค่าแรง มีทั้งพนักงานโดนทำร้ายร่างกาย ไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว

และเราก็ได้พบกับผู้เสียหายคนนึงที่เขาเคยฟ้องศาลต่อศูนย์นี้ในกรณีโกงเงินค่าสัญญา คำสั่งศาลจึงสั่งให้ปิดศูนย์นี้ไปเมื่อหลายปีก่อน แต่กลับมาเปิดใหม่โดยเปลี่ยนชื่อจากชื่อตัวเองเป็นชื่อลูกสาว แต่คนนี้ก็ยังบริหารเหมือนเดิม “

เขาจะเตี๊ยมกับพี่เลี้ยงว่ามีประสบการณ์เคยดูแลผู้ป่วยมา หรือว่าเคยดูแลเด็กอ่อนมาก่อน เคยไปอบรมมาแล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่มีความจริงอยู่เลย เขาแต่งประวัติกันขึ้นมา แล้วก็ส่งพี่เลี้ยงมาที่บ้าน พอนายจ้างจับได้จะรู้ว่าไม่ได้ทำได้จริง จะขอเปลี่ยนพี่เลี้ยง แล้วพี่เลี้ยงก็จะหาเรื่องอะไรสักอย่างนึงแล้วก็มีปัญหา

จากนั้นก็ออกไป โดยที่เราไม่ได้รับเงินคืน แล้วก็ไม่ได้พี่เลี้ยงใหม่ ในส่วนของพี่เลี้ยงบางคน และพนักงานในศูนย์ก็ไม่ได้รับค่าแรงแถมยังถูกด่าทอด้วย จากคำบอกเล่าของพนักงาน บอกว่าเจ้าของศูนย์มีพฤติกรรมตื่นเช้ามาก็ชอบดื่มแอลกอฮอล์และต่อว่าพนักงานรวมถึงลูกค้าด้วย เคสก่อนหน้านี้ ยื่นเรื่องไปที่ สคบ. แล้วเป็นปี ยังไม่ได้เงินคืน เพราะยังเรียกเจ้าของศูนย์มาไกล่เกลี่ยไม่ได้ และยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย

ส่วนตอนนี้มีผู้เสียหายหลายคนเดินทางไปแจ้ง สคบ. เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าต้องตามคิว ซึ่งคิวปีที่แล้ว ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย ศูนย์นี้เรียกได้ว่าเป็นมิจฉาชีพ โกงทั้งลูกค้า โกงทั้งพนักงาน ตอนนี้เข็ดแล้วที่จะจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลลูก เพราะเราต้องมาคอยดูเขาตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เครียดหนักกว่าเดิม อยากให้ศูนย์นี้หยุดพฤติกรรมมิจฉาชีพ เรารู้สึกว่าคุณมีชีวิตอยู่ได้ยังไงด้วยกันโกงเงินพนักงานแล้วก็ลูกค้า ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เราสงสัยว่าศูนย์นี้ถูกสั่งปิดมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่มาเปลี่ยนชื่อเท่านั้น ทำไมยังดำเนินธุรกิจเหมือนเดิมได้ จริงๆแล้วศูนย์นับเลี้ยงเด็กควรขึ้นกับหน่วยงานไหนที่ดูแลอย่างเป็นจริงเป็นจังหรือไม่ เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ทั้งเด็กเล็กคือลูกของของทุกคนที่ทุกคนก็รักมาก หรือว่าผู้สูงอายุคือพ่อแม่ของหลาย ๆ คน ดังนั้น พี่เลี้ยงที่ส่งมาควรที่จะมีใบอนุญาตให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่แค่อบรมมาชั่วโมง 2 ชั่วโมงแล้วได้ใบประกาศหรือว่ามีการแต่งตั้งให้มีหน่วยงานใดควบคุม

ที่มา khaosod.