กรณีหมอปลา และชาวบ้านหลายร้อยคนบุกล้อมกุฏิเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ก่อนจะพบว่ามีหญิงสาวหลบซ่อนอยู่ใต้บันไดขึ้นชั้น 2 ของกุฏิดังกล่าว ในสภาพเปลือยกาย รวมทั้งพบสุรา อีกหลายขวด ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ ทำให้เกือบเกิดเหตุชุนมุนขึ้น ก่อนที่เจ้าอาวาสวัดดังกล่าวจะสึกจากการเป็นพระในคืนดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

เมื่อวันที่ 11 ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพภายในวัดช่วงเช้าเป็นไปอย่างปกติ ส่วนพระลูกวัดก็ทำศาสนกิจตามปกติ ส่วนที่ศาลาที่ทำงานของเจ้าอาวาส และกุฏิเจ้าอาวาส ยังคงปิดล็อกอยู่เช่นเดียว โดยมีกรรมการของวัดนำกุญแจมาล็อกเพิ่มอีกชั้น ป้องกันไม่ไห้มีผู้หนึ่งผู้ใดมาเปิด ศาลาและกุฏิ

จากการสอบถามทราบว่า จะเปิดกุฏิเมื่อไรนั้น ก็ต้องจัดการเรื่องของทางตัวอดีตเจ้าอาวาสให้เสร็จสิ้นเสียก่อน จึงจะเปิดศาลาและกุฏิ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะใช้เวลานานเท่าไร และวันนี้ทางรักษาการเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก จะประชุมคณะสงฆ์ภายในวัดรวมถึงจะตรวจปัสสาวะ สำหรับพระภิกษุสงฆ์ภายในวัดทั้งหมด

ด้านรักษาการเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก เชิญไวยาวัจกรคณะกรรมการวัดมาประชุม สอบถามเบื้องต้นถึงบัญชีและทรัพย์สินของวัด ก่อนที่จะเปิดกุฏิเจ้าอาวาสและศาลาที่มีทรัพย์สินของวัด พร้อมจัดทำบัญชีทรัพย์สิน รายงานต่อเจ้าคณะตำบลและสำนักงานพระพุทธศาสนา ตั้งแต่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ยังไม่เห็นเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาเข้ามาตรวจสอบแต่อย่างใด

ส่วนที่โบสถ์ของวัดบางหญ้าแพรก พระครูสุนทรสุตสาร เจ้าคณะตำบลบางหญ้าแพรก เจ้าอาวาสวัดท้องคุ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เรียกพระลูกวัดบางหญ้าแพรก เข้าประชุมสงฆ์ เพื่อหารือ และเสนอชื่อแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก แทนตำแหน่งเดิมที่ว่าง หลังจากเกิดเป็นเรื่องฉาวเกี่ยวกับสีกาจนกลายเป็นข่าวโด่งดังในขณะนี้

โดยมติที่ประชุมคณะสงฆ์ เสนอชื่อ พระบุญมี กิตติธโร พระลูกวัดบางหญ้าแพรก ขึ้นปกครองรักษาการแทนเจ้าอาวาสรูปเดิม โดยมติที่ประชุมสงฆ์พร้อมตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ต่างเห็นพร้องตรงกัน ที่จะให้ทางพระบุญมี รักษาการเจ้าอาวาส

พระครูสุนทรสุตสาร เจ้าคณะตำบลบางหญ้าแพรก เจ้าอาวาสวัดท้องคุ้ง ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่ประชุมสงฆ์เสร็จแล้วว่า ตามมติที่ประชุมขณะนี้แต่งตั้งพระบุญมี รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก หลังจากนี้จะต้องดูผลงานการปกครองและการบริหารวัดก่อนว่าเหมาะสมที่จะแต่งตั้งอย่างเป็นทางการหรือไม่

ส่วนประเด็นเรื่องของทรัพย์สินของทางวัดและทรัพย์สินส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสเดิมนั้น ในเบื้องต้นสั่งการให้ปิดล็อกกุฏิอดีตเจ้าอาวาสไว้ก่อน เพื่อรอตรวจสอบทรัพย์สินและบัญชีของทางวัด รวมถึงส่วนตัวเพื่อความบริสุทธิ์โปร่งใสและชี้แจงต่อญาติโยมได้

ส่วนประเด็นที่เกิดเรื่องนั้น ตามวินัยสงฆ์เมื่อเจอสีกาอยู่ในกุฏิ 2 ต่อ 2 นั้น ถือว่าเข้าข่าย 3 ประการ คือ ปราชิก สังคาธิเสก ปาจิตรี อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่สำหรับอดีตเจ้าอาวาสนี้ ถือว่าหลักฐานชัดเจน จึงต้องสึกจากสมณเพศ และไม่สามารถกลับมาบวชเป็นพระภิกษุหรือสามเณรได้อีกต่อไป

ด้านชาวบ้านและพระลูกวัด ภายหลังได้รักษาการเจ้าอาวาสองค์ใหม่แล้ว ต่างพากันยินดีและไม่ขัดข้องที่พระบุญมีจะทำหน้าที่นี้

ที่มา khaosod