เมื่อวันที่ 25 พ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน “บัตรอวยพรวิสาขปุรณมีบูชา วันสำคัญสากลของโลก พ.ศ.2564 พระราชทาน” ที่มีพระราชปณิธานที่จะสืบสานแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานบัตรอวยพรเนื่องในวันวิสาขบูชา ให้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของการส่งบัตรอวยพรแก่กัน ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2463 และครบรอบ 100 ปีใน พ.ศ.2564

สำหรับ “บัตรอวยพรวิสาขปุรณมีบูชา วันสำคัญสากลของโลก พ.ศ.2564 พระราชทาน” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นภาพวาดฝีพระหัตถ์ ที่ทรงอธิบายถึงพระราชมรดกทางปัญญาที่พระบาท สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานไว้ก็คือ แนวพระราชดำริเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เมื่อแปลตามหลักนิรุกติศาสตร์จะได้ความว่า “ความพอเพียง เป็นกิจอันประเสริฐ” (สนฺตุฏฺฐี เสฏฺฐกิจฺจํ) ซึ่งเป็นหลักใจที่เป็นกลางๆ ในการดำเนินชีวิตที่ทุกคนปฏิบัติได้ ปฏิบัติถึงและปฏิบัติให้เป็นผลได้ ความจริงคุณสมบัติของหลักการเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย ความพอประมาณ การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีและความมีเหตุผล ก็คือหลักการทางพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า “ไตรสิกขา” กล่าวคือ “ศีล” ที่แปลว่า ปกติ เป็นการดำเนินชีวิตโดยไม่เบียดเบียนตนและสังคม มีชีวิตที่เป็นปกติ เรียกว่า รู้จักดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณ คือมีกายวาจาที่สมดุล ไม่ใช้กายวาจาของตนสร้างความเดือดร้อนทั้งแก่ตนและสังคม การเจริญสติที่ต่อเนื่องจนเป็น “สมาธิ” คือความตั้งใจมั่น จะก่อให้เกิดผล มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี และการตื่นรู้ที่นำไปสู่การพัฒนาก่อให้เกิดมีเหตุผล เรียกอีกอย่างว่า “ปัญญา” เศรษฐกิจพอเพียงในทางปฏิบัติการที่แท้จริงก็คือ พัฒนาพฤติกรรมทางกายวาจาให้มีความ พอประมาณหรือความปกติ พัฒนาสติต่อเนื่องจนมีจิตที่ตั้งมั่นเรียกว่า “สมาธิ” มีผลทำให้มีภูมิคุ้มกันและปฏิบัติเรียนรู้จนเกิดการตื่นรู้ เห็นทุกอย่างตามเหตุปัจจัย ทำให้เกิดกระบวนการคิดประกอบด้วยหลักการของเหตุและผล
ดังนั้น ทุกกิจกรรมของมนุษยชาติควรประกอบด้วยหลักการแนวพระราชดำริที่ว่า “ความพอเพียง เป็นกิจอันประเสริฐ” กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ กิจกรรมใดที่ประกอบด้วยหลักแห่งความพอเพียงหรือหลักแห่งความสมดุลเป็นพื้นฐาน ก็เรียกได้ว่าเป็นกิจอันประเสริฐ เป็นกิจที่นำไปสู่ความสงบสุขของตนเองและผู้อื่นในสังคมเป็นที่สุด

วิสาขบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือในกรณีปีใดมีอธิกมาสจะกำหนดในเดือน 7 อันเป็นวันคล้ายดิถีประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน ของสมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริเกี่ยวกับบัตรอวยพรเนื่องในวันวิสาขบูชา เพื่อให้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของการส่งบัตรอวยพรแก่กันในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ทำนองเดียวกับการอวยพรในวันสมโภชพระคริสตสมภพ จึงทรงริเริ่มพระราชทานบัตรอวยพรวันวิสาขบูชาแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนัก เป็นครั้งแรกเมื่อพุทธศักราช 2463

ขณะที่บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ได้รับพระราชทานบัตรอวยพร ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมใจกันสนองพระราชนิยมด้วยการจัดทำบัตรถวายพระพร เพื่อทูลเกล้าฯถวายเช่นกัน ลักษณะของบัตรถวายพระพรแต่ละฉบับมีขนาด ลวดลาย และข้อความที่แตกต่างกันไป มีทั้งข้อความเป็นคาถาภาษาบาลี ความเรียงร้อยแก้วและบทร้อยกรองประเภทโคลง หรือกลอน เป็นต้น

บัตรอวยพรวันวิสาขบูชา สะท้อนให้เห็นถึงแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชปรารถนาให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของวันวิสาขบูชา พร้อมส่งความปรารถนาดี ด้วยภาพและข้อความอันเป็นมงคล ทำให้ผู้ได้รับเกิดความปีติยินดี ก่อให้เกิดสามัคคีธรรมและน้อมนำใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัยเป็นสรณะนำทางชีวิต

ที่มา:thairath