หนุ่มข้องใจ ถูกเก๋งป้ายแดงปาดหน้าคว้าปืนขู่ แต่ตร.ตั้งข้อหาแค่พกพาอาวุธปืน ผกก.บางบัวทอง แจงอยู่ในขั้นตอนสอบสวนเตรียมดำเนินคดี

กรณีเพจ Social Hunter Reborn V 3 โพสต์คลิปเหตุการณ์ชายหนุ่มถูกคู่กรณีขับรถเก๋ง ฮอนด้า ซีอาร์วีสีเทา ทะเบียนป้ายแดง เปิดกระจกรถพร้อมชักอาวุธปืนพกออกมาข่มขู่ จนทำให้ผู้เสียหายตกใจกลัว จนต้องชะลอ เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 19.00 น.วันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จากนั้นผู้เสียหายรายนี้ขับรถติดตามผู้ก่อเหตุ จนไปถึงหน้าร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ก่อนจะโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมคู่กรณี โดยตั้งข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะเพียงข้อหาเดียว สร้างความสงสัยให้กับผู้เสียหาย จึงร้องเรียนขอความเป็นธรรม

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 22 ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พร้อมกับนายณัฐพล ปิยะนันทกุล อายุ 38 ปี ผู้เสียหาย ที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุดังกล่าว เพื่อสอบถามรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายณัฐพล เปิดเผยว่า ช่วงวันเวลาที่เกิดเหตุนั้นตนขับรถกระบะซึ่งบรรทุกรถ จยย.มาด้วยที่ท้ายกระบะ โดยระหว่างที่ตนขับรถอยู่ในเลนกลาง ความเร็วประมาณ 60 ก.ม.ต่อชั่วโมง ถูกคู่กรณีขับรถเก๋งซีอาร์วีสีเทาป้ายแดงแซงมาทางด้านขวา และปาดหน้ารถตนอย่างกะทันหัน ตนจึงเหยียบเบรคให้รถหยุด ก่อนจะปล่อยให้เขาแซงขึ้นไปด้านหน้าตน

จากนั้นตนขับแซงรถคู่กรณีขึ้นไปเพื่อขวางให้เขาจอดแล้วลงไปสอบถามว่าทำไมขับรถแบบนี้ ซึ่งคู่กรณีก็ลดกระจกลงมาคุยแล้วบอกกับตนว่าเขาเมา จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าล้วงเอาปืนพกสั้นขึ้นมาขู่ตน ตนเห็นทางไม่ดี จึงรีบหนีเดินขึ้นรถไป แล้วปล่อยให้เขาขับออกไป ตนจึงเริ่มขับตามไปแล้วใช้โทรศัพท์บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน

เมื่อเขาเห็นตนขับรถตาม จึงชักปืนขึ้นลำกล้องหันมาจ่อใส่ตนอีกเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งตนก็ตกใจกลัว จนตัวเย็นเฉียบ จึงขับรถตามไปห่างๆ พร้อมกับโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตามจับกุมตัวชายคู่กรณีคนดังกล่าวได้ที่หน้าร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ

นายณัฐพล กล่าวอีกว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปจับกุมตัวนั้น ตนก็ตามไปและอยู่ในเหตุการณ์ด้วย โดยสภาพของคู่กรณีมีสภาพเมามาก กลิ่นเหล้าฟุ้งไปทั่ว เมื่อตำรวจควบคุมมาถึงโรงพัก ตนพยายามบอกตำรวจว่าคู่กรณีอยู่ในสภาพเมามากให้ช่วยตรวจวัดแอลกอฮอล์ด้วย แต่ร้อยเวรเจ้าของคดีบอกว่า เป็นเรื่องของชุดจับกุมที่จะลงในบันทึกการจับกุมเองให้รอ

ซึ่งตนก็นั่งรออยู่ที่โรงพักนานเกือบ 3 ชม.จนท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาคู่กรณีเพียงข้อหาเดียวพกพาอาวุธปืนนไปในที่สาธารณะ โดยไม่ได้แจ้งข้อหาพยายามฆ่าหรือข่มขู่ รวมถึงข้อหาเมาแล้วขับให้กับตนเอง

โดยร้อยเวรอ้างว่า เป็นคดีลหุโทษ มีโทษแค่ปรับเท่านั้น สร้างความสงสัยให้กับตนเองเป็นอย่างมาก ซึ่งตนพยายามโต้แย้งแล้ว แต่ก็ถูกร้อยเวรอ้างว่า จะนัดทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบปากคำเพื่อให้ไกล่เกลี่ยกันในวันที่ 16 ก.พ.65

แต่สุดท้ายคู่กรณีก็ไม่มาไกล่เกลี่ยตามที่นัดหมายเอาไว้ ทำให้ตนรู้สึกว่า คดีนี้ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม และเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับตนในภายหลังเพราะทุกวันนี้ตนยังไม่ทราบเลยว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร เป็นมีอิทธิพลหรือไม่ และทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาดำเนินคดีไม่ครบ ตนจึงต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรม

ด้าน พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสตร์ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา เหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการขับรถปาดกันไปมา จนอีกฝ่าย

ใช้อาวุธปืนออกมาข่มขู่ ซึ่งต่อมาหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทองรับแจ้งเหตุ และสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะเพียงข้อหาเดียวก่อนนั้นเป็นเพียงข้อหาความผิดในเบื้องต้นที่พบ ซึ่งหลังจากสอบปากคำทั้ง 2 ฝ่าย โดยผู้เสียหายเพิ่งมาลงแจ้งความประสงค์ดำเนินคดีเมื่อวันที่ 16 ก พ.ที่ผ่านมา

เพราะคิดว่าคู่กรณีจะเดินทางมานัดไกล่เกลี่ยด้วยนั้น ไม่ใช่เรื่องของทางตำรวจ และเมื่อผู้เสียหายเพิ่งมาแจ้งประสงค์ให้ดำเนินคดีในวันที่ 16 ก.พ. ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับแจ้งความไว้และอยู่ในระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนใสกรอบระยะเวลาของคดี เพราะเหตุเพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา

ส่วนเรื่องที่ผู้เสียหายไลน์มาสอบถามกับตน แล้วตนตอบกลับไปแล้วว่ารับทราบ ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในระหว่างการทำสำนวน ตนคงไม่สามารถไปตอบอะไรได้มากไปมากนั้น

ส่วนเรื่องผู้ก่อเหตุเมาเหล้าทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมแจ้งว่าไม่ได้เมา และการจะตรวจวัดแอลกอฮอล์นั้นต้องเป็นเหตุที่เกิดมีรถเชี่ยวชนกัน ถึงจะมีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการประกันตัว คดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เงียบหรือเข้าข้างใคร แต่อยู่ในระหว่างดำเนินการสอบสวน

ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้รู้จักใครทั้ง 2 ฝ่าย ผู้ต้องหาก็ไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อย่างที่เข้าใจผิดเป็นเพียงผู้รับเหมาก่อสร้างคนหนึ่ง และทางผู้เสียหายเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาไม่ครบ ก็สามารถจ้างทนายความแล้วส่งฟ้องเองได้

แต่ทางตำรวจขอยืนยันว่าการจะแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ นั้น ต้องเป็นไปตามหลักและตัวบทกฎหมาย ไม่สามารถตั้งข้อหาตามอารมณ์ของผู้เสียหายได้ หลังจากนี้จะเรียกตัวผู้ต้องหารายนี้มาแจ้งดำเนินคดีอีก 3 ข้อหา คือ พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไปในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะข้อกล่าวหาโดยไม่มีเหตุอันควร, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยมีอาวุธ โดยทำให้เกิดความกลัว และ ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ เพื่อทำสำนวนส่งฟ้องศาลจังหวัดนนทบุรีต่อไป

ที่มา khaosod.