ปรากฏการณ์เงินบริจาค 10 ล้านบาท ที่ไหลเข้า “กองทุนราษฎรประสงค์” เพื่อใช้ในการประกันตัว นายอานนท์ นำภา และ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ มีนัยลึกซึ้งอย่างยิ่งในทางการเมือง
ที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมากก็คือ เป็นปรากฏการณ์อันบังเกิดขึ้นในห้วงเวลาเพียง 3 ชั่วโมง
ก่อนอื่นก็ต้องยอมรับว่าที่เงินจำนวนมหาศาลไหลเข้า “กองทุนราษฎรประสงค์”อย่างรวดเร็ว เพราะผู้บริจาคตระหนักในความไม่เป็นธรรมที่จำเลยทั้ง 2 ต้องประสบ จึงเห็นใจและเข้าใจ
ขณะเดียวกัน ในอีกด้านก็ต้องยอมรับในบทบาทและความหมายของ “กองทุนราษฎรประสงค์” ที่ได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างสูงในทางสังคม
ไม่ว่าจะเป็นนามของ น.ส.ชลิตา บัณฑุวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นนามของ น.ส.ไอดา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา เมื่อประสานกับชะตากรรมของบรรดาจำเลยที่ได้รับความไม่เป็นธรรมความเชื่อมันจึงทะยานขึ้นสูง
นี่จึงเท่ากับเป็นเครดิตของ “กองทุนราษฎรประสงค์” นี่จึงเท่ากับ เป็นเครดิตของ “ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน” ที่ทำงานหนักต่อเนื่อง
ความน่าสนใจจากกรณีเงินไหลเข้าเป็นจำนวน 10 ล้านบาทภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง อยู่ที่ 1 เป็นจำนวนเงินที่ไม่มากนัก แต่เมื่อรวมกันเข้าก็เป็นจำนวนมหาศาล
ดำเนินไปตามที่ กุหลาบ สายประดิษฐ์ เคยระบุ หยดฝนย้อย หยาดฟ้ามาสู่ดิน ประมวลสิ้นเป็นมหาสาครใหญ่
บางคนบริจาคให้ 50 บาท จำนวนไม่น้อยบริจาค 112 บาท มีจำนวนหนึ่งบริจาค 24.75 บาท แต่ละเลขไม่เพียงสะท้อนรากที่มา หากแต่ยังสะท้อนในทางความคิด
ยิ่งกว่านั้น ยังนำไปสู่กิจกรรมการประมูลหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการประมูลหนังสือ ประมูลภาพเขียน ประมูลเสื้อ
เหล่านี้คือรากฐานอันทำให้การไหลเข้ามาเป็น 10 ล้านบาท
ปรากฏการณ์เงิน 10 ล้านบาทในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ไหลเข้าไปยัง “กองทุนราษฎรประสงค์” มิได้เป็นหนแรก หากแต่ดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องนับแต่การเคลื่อนไหวเมื่อปี 2563 มาแล้ว
ยืนยันให้เห็นว่า “ท่อน้ำเลี้ยง”การเคลื่อนไหวมาจากไหน
มิได้เป็นนายทุนหรือนักการเมืองอย่างที่ปฏิบัติการ IO พยายามตอกย้ำคำรบแล้วคำรบเล่า หากแต่มาจากประชาชน
ประชาชนต่างหากคือผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่เป็นจริง
ที่มา khaosod.