ป้ายืนยันแค่ขอมีดคืน แต่ถูกด่า จนท.อุทยานฯ ขอโทษพูดไม่ดีใส่ ไม่เมาแค่กินยาแก้แพ้ พร้อมหาทางออกร่วมกัน

จากกรณี กลุ่มผู้หญิง 4 คน เข้าไปทวงถามมีดตัดมัน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติหน่วยหนึ่งในพื้นที่อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรีตรวจยึดไป จนเกิดการโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่และถูกด่าทอ จนกลายกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวอย่างกว้างขวาง

ต่อมา นายสิทธิศักดิ์ ฉันสิมา นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ทรัพยากร อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ยอมรับว่า ตนเป็นชายคนที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว พร้อมเล่าที่มาที่ไปของคลิปว่า เกิดจากการที่กลุ่มผู้หญิง 4 คน ขับรถกระบะมาที่หน่วยช่วงกลางดึกและพยายามพูดจาทวงถามหามีดตัดมัน จำนวน 3 เล่ม ซึ่งอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ในหน่วยของตนตรวจยึดมา แต่เจ้าหน้าที่ในหน่วยของตนยืนยันว่าไม่ได้ตรวจยึดมา

จนทำให้เกิดการโต้เถียงกันและตนพยายามปกป้องศักดิ์ศรีของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานว่า ไม่ได้มีพฤติกรรมขโมยทรัพย์สินของใคร จึงเผลอใช้ถ้อยคำรุนแรงไป ทำให้ผู้คนที่ได้รับชมคลิปเกิดความไม่พอใจ ซึ่งตนต้องขอโทษสังคมถึงการใช้ถ้อยคำรุนแรงที่ไม่เหมาะสม แต่ยืนยันว่าที่ทำไปเพียงเพราะถูกคู่กรณีหาเรื่อง พูดจายั่วโมโหและยืนยันว่าตนไม่ได้เมา แต่ที่มีลักษณะคล้ายคนเมา เนื่องจากช่วงก่อนนอนได้กินยาแก้แพ้เข้าไป 2 เม็ด และถูกเรียกลุกจากที่นอนกลางดึก จึงมีอาการคล้ายคนเมา

ล่าสุด วันที่ 23 ก.พ. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ศร.2 ดงใหญ่ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุภายในคลิปและได้มีโอกาสพูดคุยกับกลุ่มหญิง 4 คน ที่เดินทางไปทวงถามหามีดตัดมันจากเจ้าหน้าที่ โดยกลุ่มหญิงทั้ง 4 คน ได้พาไปดู บริเวณจุดที่มีการโต้เถียงกันว่า อยู่บริเวณป้อมสังเกตการณ์หน้าหน่วยพิทักษ์ป่า ไม่ได้มีการบุกเข้าไปถึงบริเวณที่พักของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

นางกวน เจริญพร้อม อายุ 64 ปี หญิงที่ปรากฏภายในคลิป กล่าวว่า พวกตนไม่ได้บุกเข้าไปถึงบ้านพัก แต่ทางเจ้าหน้าที่ของอุทยานเป็นฝ่ายเดินลงมาพูดคุยกับพวกตน บริเวณป้อมสังเกตการณ์ อีกทั้งการที่พวกตนเดินทางมาช่วงกลางดึก ก็เพื่อต้องการมาทวงถามหามีดตัดมันที่ถูกยึดไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะหาเรื่องกับฝ่ายเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

ด้าน นายนพรัตน์ เสร็งพั้ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านปากเหมือง ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนได้เรียกกลุ่มชาวบ้านมาพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งทั้ง 4 คน ก็ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาไปหาเรื่องเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น่าจะมาจากการสื่อสารคลาดเคลื่อนจนเกิดการเข้าใจผิด

ที่มา khaosod