เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เตือนภัย โดยระบุข้อความว่า “แจ้งเตือน พอดีไปซักผ้าในซอยมณีวรรณ หลังทวีกิจเก่า เหมือนคนสติไม่ดีมาขอเงิน เราปฏิเสธแล้วเดินหนี แล้วเขาเดินตาม พอเราขึ้นรถเสร็จ เขาก็ตบมาที่เรากะแฟนไม่รู้ใช้อะไรตบ ตอนนี้กำลังแจ้งความ เตือน!!! ทุกคนระวังด้วยนะคะ น่ากลัวมากๆ” พร้อมลงภาพบาดแผลบริเวณหน้าผาก และรูปของชายสติไม่ดี ยืนอยู่ในลักษณะคล้ายยกมือไหว้ขอเงิน
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังเจ้าของโพสต์ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดย น.ส.เจนจิรา เจนวิถี หรือปลา อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นพนักงานร้านอาหารแห่งหนึ่ง กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. วันที่ 23 ก.พ. 2565 ตนกับแฟนซึ่งเป็นทอมได้ไปใช้บริการซักผ้าอัตโนมัติที่ร้านด้านหลังทวีกิจเก่า ขณะที่รอเสื้อผ้าในเครื่อง จู่ๆ มีผู้ชายน่าจะสติไม่ดีเดินมาขอเงินตนกับแฟน โดยพูดว่า “ขอเงินหน่อยวัยรุ่น”
น.ส.เจนจิรา กล่าวต่อว่า ตนตอบไปว่าไม่มีหรอกค่ะพี่ เพราะไม่ได้พกเงินติดตัวไปด้วยจริงซักผ้าก็ใช้วิธีสแกนจ่าย แล้วผู้ชายคนดังกล่าวก็พูดว่า “เฮ้ย วัยรุ่น” แล้วใช้มือล้วงกระเป๋าตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร ตนเลยพูดกับแฟนว่า “เราไปเถอะ” แล้วก็เดินหันหลัง ตอนนั้นนึกในใจว่าเขาคงไม่ทำอะไรหรอก เพราะตนเป็นผู้หญิง
น.ส.เจนจิรา กล่าวอีกว่า ช่วงที่ตนกับแฟนเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์ ชายคนดังกล่าวยังเดินตามและพยายามดึงแขนแฟนตนเอง แฟนเลยบอกว่าพี่อย่าทำแบบนี้เดี๋ยวแจ้งความนะ ชายคนดังกล่าวกลัวด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจว่าแจ้งเลย โดยจังหวะที่แฟนนั่งคร่อมบนรถจักรยานยนต์ส่วนตนซ้อนด้านหลังเพื่อจะขับหนีชายคนดังกล่าว เพราะไม่อยากจะมีเรื่องก็รู้ว่าเป็นคนสติไม่ดี แต่ชายคนดังกล่าวกลับใช้มือตบตนกับแฟน ตนจึงรีบบอกให้แฟนขับรถออกไป
น.ส.เจนจิรา กล่าวต่อว่า พอมารู้อีกทีก็พบว่าบริเวณหน้าผากตัวเองมีแผล คาดว่าน่าจะโดนเล็บหรือแหวนของชายคนดังกล่าว ผ่านไปสักพักตนกับแฟนจึงขับรถวนกลับมา เพื่อจะมาเอาเสื้อผ้าที่ปั่นอยู่ที่ร้าน ก็ยังเจอผู้ชายคนดังกล่าวเดินขอเงินคนแถวนั้นไปเรื่อย แต่ตนไม่กล้าที่จะไปบอกใคร กลัวเขาจะมาทำร้ายอีก จากนั้นจึงตัดสินใจไปแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเป็นคนวิกลจริตก็คงเอาผิดอะไรไม่ได้ แต่ถ้าจะเอาผิดก็ต้องพาเขาไปรักษา พอหายแล้วถึงจะเอาผิดเขาได้
“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็รู้สึกไม่ปลอดภัย และมองว่าชายคนดังกล่าวเป็นภัยต่อสังคม จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพาชายคนดังกล่าวไปบำบัดรักษา เพราะหากปล่อยไว้แบบนี้อาจจะไปทำร้ายใครจนเจ็บตัวหรือตายฟรีก็ได้” น.ส.เจนจิรา กล่าว
ที่มา khaosod