ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน สร้างความกังวลว่าจะนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ เรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ?

วันที่ 24 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่อาจนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ มีชนวนจากการแย่งชิงอำนาจเชิงยุทธศาสตร์ และข้อพิพาทเรื่องพรมแดน

ฝั่งรัสเซียมองว่ายูเครนเป็นกันชนสำคัญในการต้านอิทธิพลจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ส่วนยูเครนมองว่ารัสเซียเป็นผู้บุกรุกที่ยึดครองดินแดนของตนไปแล้วบางส่วน

ต่อไปนี้คือประเด็นที่จะช่วยให้เข้าใจที่มาของความขัดแย้ง และสถานการณ์ในปัจจุบัน

จุดเริ่มต้นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
ยูเครนเป็นประเทศที่มีขนาด 603,628 ตารางกิโลเมตร คั่นกลางระหว่างรัสเซียกับยุโรป

ยูเครนเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียตถึงปี 2534 หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็กลายเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์ เศรษฐกิจซบเซา และนโยบายต่างประเทศอ่อนแอ แกว่งไปมาระหว่างการสนับสนุนรัสเซียกับการสนับสนุนยุโรป

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 ที่กรุงเคียฟของยูเครน มีการประท้วงต่อต้านประธานาธิบดี “วิกตอร์ ยากูโนวิช” ที่ปฏิเสธแผนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจกับสหภาพยุโรป

ระหว่างการประท้วงในยูเครน รัสเซียให้การสนับสนุนยากูโนวิช ขณะที่สหรัฐและยุโรปสนับสนุนผู้ประท้วง

ประธานาธิบดียากูโนวิชหลบหนีออกนอกประเทศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 หลังกองกำลังความมั่นคงของยูเครนปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง ทำให้การประท้วงลุกลามขึ้น ซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลง

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ชาวไครเมียตัดสินใจอยู่ฝั่งเดียวกับสหพันธรัฐรัสเซีย ผ่านการลงประชามติหาข้อสรุปในพื้นที่พิพาท เมื่อเดือนมีนาคม 2557 กองทัพรัสเซียจึงได้เข้ายึดครองภูมิภาคไครเมีย ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของยูเครน ก่อนการผนวกรวมอย่างถูกกฎหมาย

กรุงเคียฟ หลังการสู้รบระหว่างยูเครน-รัสเซีย

ประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ของรัสเซีย ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรักษาสิทธิของชาวรัสเซียและผู้ที่ใช้ภาษารัสเซีย ทั้งในไครเมียและทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ตลอดมา

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความตึงเครียดทางชาติพันธุ์รุนแรงขึ้น และผู้แบ่งแยกดินแดนซึ่งสนับสนุนรัสเซีย ในภูมิภาคดาเนียตสก์ และภูมิภาคลูกานสก์ ทางตะวันออกของยูเครน ได้จัดการลงประชามติในอีก 2 เดือนต่อมา เพื่อประกาศอิสรภาพจากยูเครน

ความพยายามเพื่อสันติภาพ
การนองเลือดเกิดขึ้นนานหลายเดือน หลังผู้แบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดาเนียตสก์ และภูมิภาคลูกานสก์ ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อประกาศอิสรภาพจากยูเครน

แม้ว่ายูเครนกับรัสเซียจะลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพที่กรุงมินสค์เมื่อปี 2558 แล้วก็ตาม ทั้งนี้ สนธิสัญญาดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศสและเยอรมนี อย่างไรก็ตาม มีการละเมิดการหยุดยิงหลายต่อหลายครั้ง

สหประชาชาติประมาณการว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2557 มีพลเรือนมากกว่า 3,000 คน ที่ต้องสังเวยชีวิตในยูเครนตะวันออก ผลจากความขัดแย้งดังกล่าว

บรรดาผู้นำของรัสเซีย ยูเครน ฝรั่งเศส และเยอรมนี ร่วมประชุมกันที่กรุงปารีส เมื่อเดือนธันวาคม 2562 เพื่อย้ำจุดยืนที่เคยแสดงไว้ต่อข้อตกลงสันติภาพเมื่อปี 2558 แต่การประชุมครั้งนั้น มีความคืบหน้าเรื่องการระงับข้อพิพาททางการเมืองเพียงเล็กน้อย

ยูเครนเข้าร่วมนาโต้ สำคัญอย่างไรกับปูติน?
นาโต้ หรือองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2492 เพื่อตอบโต้การรุกรานของสหภาพโซเวียต

นับตั้งแต่นั้นมา พันธมิตรของนาโต้ก็เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีทั้งหมด 30 ประเทศ ซึ่งรวมถึงลิทัวเนีย เอสโตเนีย และลัตเวีย ทั้งหมดนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตมาก่อน

ตามสนธิสัญญาของนาโต้ หากประเทศพันธมิตรนาโต้ถูกรุกรานหรือโจมตีโดยประเทศนอกกลุ่ม ประเทศพันธมิตรทั้งหมดจะต้องระดมกำลังเพื่อปกป้อง

ทางการรัสเซียต้องการให้นาโต้รับรองว่า ยูเครนและจอร์เจีย จะไม่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรนาโต้ ทั้งนี้ สองประเทศดังกล่าวเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตเช่นกัน และรัสเซียเคยบุกรุกในช่วงสั้น ๆ เมื่อปี 2551

ปูตินไม่สามารถปฏิเสธสิทธิของยูเครนได้ แต่ตามคำบอกเล่าของทีมบริหารไบเดนและพันธมิตรนาโต้ คาดว่านาโต้เองก็ยังไม่มีแผนมอบสมาชิกภาพให้กับยูเครนในเร็ว ๆ นี้

รัสเซียยกระดับการโจมตี ยิงขีปนาวุธจากทะเลดำ

สถานการณ์ที่ชายแดนตอนนี้เป็นอย่างไร
สหรัฐ และนาโต้ มองว่าความเคลื่อนไหวและความตึงเครียดทางทหารทั้งในและพื้นที่โดยรอบยูเครน มีความ “ผิดปกติ”

แม้จะมีคำเตือนจากประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ของสหรัฐ รวมถึงผู้นำหลายชาติในยุโรป ว่า การรุกรานของปูตินจะทำให้เกิดหายนะ แต่กองทหารรัสเซียมากกว่า 100,000 นาย ยังคงประจำการอยู่ใกล้ชายแดนยูเครน

ตามข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองสหรัฐ ที่เผยแพร่เมื่อเดือนธันวาคม ระบุว่า รัสเซียอาจเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครนในปีนี้

หวั่นเกิดสงครามเต็มรูปแบบ
หากรัสเซียเพิ่มกำลังทหารในยูเครนหรือในประเทศต่าง ๆ ที่เป็นพันธมิตรนาโต้ ความขัดแย้งในยูเครนเสี่ยงที่จะทวีความรุนแรงขึ้น และอาจนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ

ความเคลื่อนไหวของรัสเซียทำให้เกิดความกังวลว่า เหล่าประเทศพันธมิตรนาโต้จะออกมาตอบโต้รัสเซีย

การสู้รบในอดีตได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐและยุโรปตึงเครียดขึ้น ทั้งยังส่งผลเสียต่อโอกาสในการร่วมมือกันในด้านอื่น ๆ เช่น การต่อต้านการก่อการร้าย, การควบคุมอาวุธ และการแก้ปัญหาทางการเมืองในซีเรีย

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน

ที่มาเนื้อหา : ประชาชาติธุรกิจ

ภาพประกอบจาก : บีบีซีไทย – BBC Thai