ผู้สื่อข่าวพาไปเรียนรู้วิธีการทำฟาร์มเห็ดออแกนิค ด้วยระบบ SCM ระบบที่ทันสมัยที่สุด และผลิตก้อนเห็ดได้ไว้ที่สุด ในภาคเหนือตอนล่าง ที่ฟาร์มเห็ดเกษตรวิริยะ ตั้งอยู่ เลขที่ 304/1 หมู่ 3 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่เรียกได้ว่าเป็นฟาร์มเห็ดที่ครบวงจร และทันสมัยที่สุดในภาคเหนือตอนล่าง โดยมีโปรอ้วน หรือ นายนิทัศน์ ขันกสิกรรม โปรกอล์ฟชื่อดัง มาเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังถึงจุดเริ่มต้นของฟาร์มเห็ดเกษตรวิริยะ ว่าตนได้เข้าสู่วงการกอล์ฟ ด้วยการเรียน จนได้ผ่านโปรกอล์ฟ มีโอกาสได้เป็นผู้ตัดสินในทัวร์ของไทย All Thailand Golf Tour และทัวร์ใหญ่ก็คือ เอเชียน ทัวร์ เดินทางไปต่างประเทศหลายประเทศ จนกระทั่งเกิดการระบาดของโควิด-19 ประเทศเริ่มปิด ไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้ ประกอบกับมีความรู้สึกว่าวันนี้ชีวิตได้เดินทางมาถึงจุดอิ่มตัว คือเราอยากอยู่กับที่ อยากอยู่กับครอบครัวแล้ว ไม่อยากเดินทางอีกแล้วเพราะเราเดินทางมาเยอะแล้ว จึงมาเริ่มคิดว่าจะทำอะไร ให้มีรายได้ โดยที่สามารถอยู่กับครอบครัวชดเชยเวลาที่เราเคยเสียไปได้ จึงมีโอกาสได้ลงเรียนคอร์สฟาร์มเห็ด Korat Mushroom Farm ได้ฝึกงานเรียนรู้ และมีโอกาสได้พูดคุยเกี่ยวกับระบบฟาร์มเห็ดที่ครบวงจรและทันสมัยที่สุดอย่าง ระบบ SCM ตนจึงเริ่มลงมือปรับสถานที่ต่างๆ ภายในตัวบ้านที่เคยเป็นโรงสีมาก่อน ให้เป็นโรงเรือนฟาร์มเห็ด โดยใช้ก้อนหัวเชื้อเห็ดจำนวนกว่า 1500 ก้อนภายในโรงเรือน เริ่มให้ผลผลิตตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งขายตามท้องตลาดทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ ในท้องตลาดเขาทำก้อนเชื้อจากก้อนขี้เลื่อย แต่ฟาร์มของเราใช้ฟางข้าว ที่หาได้จากท้องถิ่นบ้านเรา

โปรอ้วน เลือกทำเห็ดนางรมเทา เห็ดนางรมดำ เพราะเห็ดประเภทนี้มีลักษณะพิเศษคือ ทนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ทนร้อนได้ดี โดยเฉพาะวิธีการเพาะเห็ดจากฟางข้าว รสชาติของเห็ดจะแตกต่างจากก้อนเห็ดขี้เลื่อย คือรสชาติมันจะมีความหนึบหนับ เด้ง มากกว่ากัน รสชาติก็จะหวานกรอบกว่า ซึ่งโรงเห็ดของเราจะเป็นโรงเห็ดขนาดใหญ่ พื้นที่ประมาณ 5×12 เมตร จำนวน 4 โรง เป็นฟาร์มระบบปิดมีตัวควบคุมอุณหภูมิ ให้ความชื้น ตามระบบของ SCM ซึ่งทุกอย่างจะสามารถควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือได้เลย ส่วนขั้นตอนการทำเห็ดคือผ่านระบบ SCM ซึ่งเป็นโรงผลิตหัวเชื้อ คือการนำฟางที่ได้มามาทำความสะอาดด้วยวิธีการล้างฟาง และทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อกำจัดสารเคมีที่ตกค้างอยู่ในข้าว กำจัดเศษดิน สิ่งสกปรกทั้งหลายที่อยู่ที่ฟางข้าว ที่สำคัญคือกระตุ้นการเกิดของไข่ไรที่มีอยู่ในฟางข้าวอยู่แล้ว พอเขาได้รับการกระตุ้นจากไข่จะกลายเป็นตัวอ่อน ซึ่งพอเป็นตัวอ่อนแล้ว เราจะสามารถกำจัดเขาได้ง่ายที่สุด เมื่อทิ้งไว้หนึ่งคืนแล้วเช้ามาก็จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิตด้วยการนำฟางไปปั่น ผ่านเทคโนโลยีของไทยเราเอง คือการนำฟางก้อนใหญ่ๆ ไปปั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นก็นำฟางที่ย่อยแล้วมาอัดในถุง ซึ่งถุงบรรจุหัวเชื้อของเราผลิตจากเมล็ดข้าวโพดสามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ จากนั้นก็โรยเชื้อเป็นชั้นๆ ของเราจากหนึ่งก้อน น้ำหนักต่อก้อนจะอยู่ที่ประมาณ 5-6 กิโลกรัม ซึ่งหลังจากบรรจุเป็นก้อนเรียบร้อยแล้วเราจะนำไปไว้ในโรงบ่ม ซึ่งก้อนเห็ดจะคายแก๊สในตัวออกมา จากนั้นก็นำเข้าห้องเปิดดอก เอาไปไว้สักระยะหนึ่งประมาณ 20-25 วัน จะสังเกตเห็นได้ว่าก้อนเห็ดจะเริ่มเดินเป็นเส้นสีขาวๆ จากนั้นเราก็มาเริ่มกรีดเปิดดอกให้ก้อนเห็ด ถ้านับจากวันที่เขาเริ่มมีตาดอกแล้ว นับไปอีก 3 วันก็จะสามารถเก็บผลผลิตได้เลย สำหรับการเก็บผลผลิต วันหนึ่งจะสามารถเก็บผลผลิตได้ถึง 3 ครั้ง การเจริญเติบโตของก้อนเห็ดจะเติบโตได้ดีในเวลากลางคืน คือสามารถเก็บได้รอบเช้า 1 รอบ บ่าย 1 รอบ และหลังพระอาทิตย์ตกได้อีก 1 รอบ สำหรับก้อนเห็ด 1 ก้อนจะสามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 1.5-2 กิโลกรัม (ต่อระยะเวลา 1 รอบ คือ 45-60 วัน) จากนั้นก็จะทำการปลดระวางหัวเชื้อก้อนเห็ด ซื่งหัวเชื้อก้อนเห็ดที่ปลดระวางแล้ว สามารถนำไปขายให้กับผู้เลี้ยงปลานิล ปลาทับทิมได้ เพราะในก้อนเชื้อจะมีโปรตีนสูงช่วยให้ปลาโตไวอีกด้วย

สำหรับการดูแลรักษาความสะอาดในโรงเปิดดอก ต้องระวังมากที่สุดคือในเรื่องของมดและแมลง เราต้องเคลียร์พวกนี้ออกให้มด ล้างพื้นให้สะอาดใช้น้ำฉีด อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ซึ่งทางฟาร์มเห็ดของเราจะไม่ใช้สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้นในการกำจัดแมลงต่างๆ แต่เราจะใช้วิธีเทนมเปรี้ยวใส่ ถ้วย ไปว่างไว้ตามจุดต่างๆ ของพื้นภายในโรงเปิดดอก และใช้ใบตอง ทาด้วยน้ำมันห้อย ไว้เป็นจุดเพื่อดังแมลงตัวเล็กต่างๆ

อุณหภูมิภายในโรงเห็ด จะรู้สึกได้ว่าเหมือนอยู่ในเมืองหมอก ยิ่งเราทำอุณหภูมิของเห็ดได้ต่ำมากเท่าไหร่ เห็ดก็จะยิ่งโตไว ยิ่งหวาน ยิ่งกรอบ เห็ดของเราเก็บผลผลิตได้ทุกวัน และหลังจากที่เราเก็บเห็ดมาได้แล้วเราจะนำเห็ดมาตัดแต่ง ตัดเศษฟาง หรือเห็ดต้นเล็กออกจากนั้นก็ส่งขายตามตลาดในตัวเมืองพิษณุโลก ราคากิโลกรัมละ 50-60 บาท

นอกจากนี้เห็ดดอกเล็กที่เราตัดออกมานั้น เราก็นำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการนำมาแปรรูปเป็นแหนมเห็ด จำหน่ายได้อีก ในราคา ก้อนละ 10 บาท หนัก 50 กรัม 1 แพ็คจะมีแหนมเห็ด 5 ก้อน ราคา 50 บาท และนำมาแปรรูปเป็นน้ำพริกเห็ด ราคากระปุกละ 35 บาท (หนัก 100 กรัม) หรือ 3 กระปุก 100 บาท ต้องบอกตรงนี้เลยตอนนี้ทั้งแหนมเห็ดและน้ำพริกเห็ดขายดีมากๆ ทำแทบไม่ทันเลย

ส่วนในอนาคตอันใกล้นี้ กำลังจะจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ทำเป็นอุตสาหกรรมเพราะเราสามารถผลิตทุกขั้นตอนได้เอง จากนั้นจะเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ และเปิดรับลูกฟาร์ม ที่ต้องการเพาะเห็ด เราก็จะคอยดูแล คอยแนะนำให้ ผลิตเราก็รับซื้อเพราะอนาคต ตนจะนำเห็ดเกษตรวิริยะขึ้นจำหน่ายบนห้างฯ ต่างๆ ให้ได้

สำหรับใครที่สนใจ อยากจะเรียนรู้วิธีการเพาะเห็ดนางรมเทา เห็ดนางรมดำ หรืออยากจะอุดหนุนผลิตภัณฑ์ทั้งเห็ดสด แหนมเห็ด และน้ำพริก ที่หน้าฟาร์มก็มีจำหน่ายในราคาพิเศษกว่าท้องตลาด ก็สามารถเดินทางมาได้ ฟาร์มเห็ดเกษตรวิริยะ ตั้งอยู่ ต.บึงพระ ใช้เส้นทางสี่แยกตลาดบึงพระ เลี้ยวขวา 30 เมตรก็จะถึงฟาร์มเห็ด สามารถสอบถามได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ 080-494-1555