‘รัฐบาล’ เดินหน้าพัฒนาจว.ชายแดนใต้ ยกระดับด่านชายแดน 9 แห่ง

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มีนาคม คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ (กพต.) ซึ่งมีโครงการหลักๆ ที่จะดำเนินการในปี 2565 เป็นต้นไป เพิ่มเติมจากที่ได้ผลักดันไปแล้ว อาทิ 1.โครงการการพัฒนาศักยภาพด่านศุลกากรชายแดนไทย-มาเลเซีย (9 ด่าน) เพื่อยกระดับการค้าชายแดนและความร่วมมือในมิติต่างๆ ประกอบด้วย 2 โครงการย่อย คือ 1)โครงการพัฒนาและยกระดับสมรรถนะห้องปฏิบัติการชีวโมเลกุลด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ (ด่านพรมแดน) ต้นแบบ ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสงขลาและนราธิวาส 2)โครงการจัดซื้อที่ดินเพื่อการขยายด่านบูเก๊ะตา จังหวัดนราธิวาส 2.โครงการก่อสร้างกำแพงป้องกันการกัดเซาะบริเวณปากน้ำเทพา ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา โดยให้กรมเจ้าท่าเป็นผู้ดำเนินโครงการ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า 3.โครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วน เรือชุดที่ 1 โดยมีกรอบวงเงินช่วยเหลือเยียวยากลุ่มเรือประมง ชุดที่ 1 ภายใต้โครงการ จำนวน 104 ลำ และการจัดทำปะการังเทียมพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชายแดนใต้ และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เพื่อดำเนินการสำหรับเรือประมงในพื้นที่จังหวัดสงขลา สตูล และนราธิวาส โดยต่อเนื่องอีก 318 ลำ ให้เสร็จสิ้นตามเป้าหมาย 4.ขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย โดยบูรณาการการทำงานทุกหน่วยงาน เพื่อนำฐานข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytic Platform : TPMAP) มาเป็นกลุ่มเป้าหมายในการขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการ โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความยากจน 5 มิติ ซึ่งประกอบด้วยด้านสุขภาพ ด้านความเป็นอยู่ ด้านการศึกษา ด้านรายได้ และด้านการเข้าถึงบริการรัฐ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือและพัฒนาแรงงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มที่เดินทางกลับต่างประเทศภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ได้ดำเนินการการช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก และสร้างงานสร้างอาชีพใน 3 ลักษณะ คือ 1)ผู้ที่พร้อมไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมนอกพื้นที่ โดยดำเนินการผ่านโครงการเปิดพื้นที่ประเทศไทยรองรับแรงงานไทยที่กลับจากต่างประเทศซึ่งเป็นการจัดส่งคนไปทำงานนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ จำนวน 3,448 คน 2)ผู้ประสงค์จะประกอบอาชีพในภูมิลำเนาเดิม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานแรงงานจังหวัด สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด และกรมประมง ได้ดำเนินการสร้างอาชีพทางเลือกและฝึกอบรมทักษะอาชีพเข้าสู่ตลาดแรงงาน รวมทั้งสิ้น 6,178 คน และ 3)การเตรียมความพร้อมเข้าสู่การทำงานภาคเกษตรประเภทสวนปาล์มในประเทศมาเลเซีย ซึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือเพื่อพิจารณาทบทวนปรับปรุงบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจ้างแรงงานไทยระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลมาเลเซียให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ที่มา matichon