เทรนด์ไม้ด่างกำลังมาแรง โดยเฉพาะในยามอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ไม้ด่างกลายเป็นของเชิดหน้าชูตาของบรรดาผู้มีอันจะกิน ต่างพากันซื้อหามาประดับบารมี

กล้วยด่างเป็นหนึ่งในนั้น เพราะนอกจากจะถือตามเคล็ดแบบไทยๆ ปลูกกล้วยไว้ที่บ้าน อะไรๆก็จะราบรื่น กลายเป็นเรื่องกล้วยๆ เมื่อออกหน่อก็ยังเอาไปขยายพันธุ์หรือขายต่อได้ราคาดี ฉะนั้นต่อให้หายากหน่อละเป็นแสน คนยินดีควักกระเป๋า

“เดิมพื้นที่กว่า 2 ไร่ ปลูกคุณนายตื่นสายและเตยด่าง ตัดขายเป็นกำส่งให้แม่ค้าที่รับซื้อประจำ แต่พอมาช่วงวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา จำต้องออกจากงานประจำ เลยมาเป็นอาสาสมัครให้กับ อ.บางกรวย ช่วยงานสังคม มีรายได้จากพืชผลที่ปลูกบ้าง และเบี้ยเลี้ยงอาสาฯ ก่อนโควิดรอบแรก ไปเจอคนปลูกกล้วยด่าง เลยไปขอซื้อมาสะสม จากนั้นหาซื้อเรื่อยมาทั้งจากสื่อโซเชียล และเพื่อนฝูง ขยายพันธุ์เรื่อยๆ จนปัจจุบันมีกล้วยด่างอยู่ในมือกว่า 10 สายพันธุ์”

พรพจน์ ชูเทียน อาสาสมัครรับใช้สังคม อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เกษตรกรผู้รวบรวมสายพันธุ์กล้วยด่างจากทั่วประเทศ เล่าถึงที่มาของตัวเอง…ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้กล้วยด่าง รู้สึกชอบในสีสัน และความแปลกที่แต่ละต้นมีไม่เหมือนกัน จึงมองว่ากล้วยด่างน่าจะเป็นพืชที่มีอนาคต เพราะการซื้อหาแต่ละต้น ขึ้นกับความพอใจของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ฉะนั้นถ้าเรามีหน่อที่สีสันสวย แปลก ทรงดี ขายแค่หน่อสองหน่อสามารถอยู่ได้เป็นเดือน ดีกว่านั่งรอเงินจากคุณนายตื่นสาย และเตยด่างอย่างเดียว

สำหรับกล้วยด่างกว่า 10 สายพันธุ์ของที่นี่ มีสายพันธุ์เด่นๆ อาทิ กล้วยน้ำว้าคร่อมเตี้ยด่าง กล้วยเล็บมือนางฟลอริด้าด่าง กล้วยฟลอริด้าด่าง กล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่าง กล้วยแดงอินโดด่าง กล้วยป่าด่าง กล้วยตานีด่าง เหล่านี้หน่อละ 10,000 บาทขึ้นไป ขึ้นกับลวดลายการด่าง

และไฮไลต์ของกล้วยด่าง กล้วยเล็บมือนางด่าง กล้วยเทพนมด่าง ราคาอย่างต่ำหน่อละ 100,000 บาท

กล้วยเทพนมด่าง

กล้วยเทพนมด่าง

“สาเหตุที่กล้วยด่างราคาค่อนข้างสูงกว่าไม้ด่างชนิดอื่น ราคาตั้งแต่หลักหมื่นยันหลักแสน เพราะส่วนหนึ่งเป็นไม้หายาก มีน้อย ที่สำคัญแม้ซื้อต้นแม่ที่ด่างไป ก็ใช่ว่าจะได้หน่อที่ออกมาด่างเหมือนต้นแม่เสมอไป ต้องลุ้นกันตลอด และแม้จะได้หน่อด่างแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ราคาสูงเสมอไป เพราะถ้าออกมาด่างน้อย ไม่สวย หรือออกเผือก ราคาจะลดหลั่นลงไป”

กล้วยแดงอินโดด่าง

กล้วยแดงอินโดด่าง

เทคนิคการดูแลบำรุงรักษา…ห้ามใส่ปุ๋ยเคมีโดยเด็ดขาด เพราะปุ๋ยเคมีส่วนใหญ่มีไนโตรเจนสูง จะไปทำให้ใบด่างกลายเป็นสีเขียว หมดราคา ฉะนั้นควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์เดือนละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2-3 ช้อนชา หรือ 1 กำมือ บริเวณโคนต้น ที่สำคัญควรปลูกกลางแจ้งให้โดนแดดสม่ำเสมอ เพราะกล้วยด่างมีคลอโรฟิลล์ค่อนข้างน้อยกว่ากล้วยใบเขียวทั่วไป หากปลูกในที่ร่มจะสังเคราะห์แสงได้น้อย อาจกระทบต่อต้นกล้วยได้

ใครที่เป็นมือใหม่ต้องการเลี้ยงกล้วยด่าง เจ้าของสวนแนะ…เมื่อได้หน่อแล้ว อย่าเพิ่งนำลงดินปลูก ให้ปลูกในกระถางก่อน และก่อนปลูกให้แช่น้ำยากันเชื้อรา และน้ำยาเร่งรากครึ่ง ชม. จากนั้นนำลงกระถางที่ใส่วัสดุปลูกเป็นขุยมะพร้าว สวมถุงพลาสติกคลุมโคนต้น ให้ความร้อนเป็นตัวช่วยเร่งรากอีกที ทิ้งไว้ 1-1.5 เดือน รากจะเริ่มเดิน จากนั้นถึงจะนำลงดินได้ สนใจสอบถามได้ที่ 08-7123-8724.

ที่มา:thairath