‘สำนักเลขาฯ สภา’ แจงอยู่ระหว่างตรวจสอบ เหตุท่อน้ำประปาแตก ทะลุจากชั้น 8 ถึงลานจอดรถ โยนผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่รัฐสภา ว่าที่ ร.ต.ยุทธนา สำเภาเงิน ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ในฐานะโฆษกประจำสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุท่อน้ำประปารั่วภายในอาคารรัฐสภา ทำให้มีน้ำไหลท่วมขังบริเวณห้องทำงาน บางส่วน ตลอดจนไหลท่วมขังที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน (ชั้น B1) ว่า สำนักเลขาฯได้สั่งการให้ผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว และได้รับรายงานว่าเหตุดังกล่าวเกิดจากข้องอ 90 องศา ชนิดแบบสวมอัดของท่อระบบรดน้ำต้นไม้แตก ทำให้เกิดน้ำรั่วบริเวณเหนือฝ้าเพดานชั้น 8 และไหลท่วมลงมาบริเวณพื้นและห้องทำงานบางส่วนที่อยู่บริเวณชั้น 8 ตลอดจนไหลต่อเนื่องไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดิน B1 ภายในอาคารรัฐสภา ซึ่งตามปกติแล้วการทำงานของระบบรดน้ำต้นไม้จะมีการกำหนดโปรแกรมให้ปั๊มระบบรดน้ำต้นไม้ทำงานในระหว่างเวลา 06.00-12.00 น.ของทุกวัน

ว่าที่ ร.ต.ยุทธนากล่าวต่อว่า เมื่อระบบทำงานจะเกิดแรงดันน้ำภายในท่อในระดับ 4 Bar โดยชนิดของท่อและข้อต่อที่เลือกใช้ในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบนั้น ได้เลือกใช้ท่อและข้อต่อเป็นชนิด HDPE Class PN10 ซึ่งได้มีการทดสอบการทนแรงดันน้ำได้ถึงระดับ 10 Bar จึงไม่ควรเกิดปัญหาข้องอ 90 องศา ชนิดแบบสวมอัดของท่อระบบรถน้ำต้นไม้แตกตามที่ปรากฏ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ระบบท่อน้ำแตกนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบของผู้รับจ้างและจะรายงานผล รวมทั้งวิธีการป้องกันปัญหาให้สำนักเลขาฯทราบต่อไป

ว่าที่ ร.ต.ยุทธนากล่าวด้วยว่า การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบนั้น อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ควบคุมงานและมีที่ปรึกษาบริหารโครงการ ร่วมดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการก่อสร้าง ทั้งนี้ ผู้รับจ้างยังไม่ได้ส่งมอบงานงวดสุดท้าย และคณะกรรมการตรวจการจ้างยังไม่มีการตรวจรับ ฉะนั้น หากมีความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากความชำรุดบกพร่องของการก่อสร้างอาคารในระหว่างที่ยังไม่ได้มีการตรวจรับ ผู้รับจ้างยังคงต้องรับผิดชอบในความเสียหายทั้งหมด

ที่มา matichon