กรมควบคุมโรค เผยปัจจัยเสี่ยง ลิ่มเลือดอุดตันในปอด พบ 200-400 รายต่อล้านคน แม้ไม่ฉีดวัคซีน คาดได้ข้อสรุป สาวหาดใหญ่เสียชีวิตเร็วๆ นี้ 

จากกรณีที่หญิงอายุ 32 ปี ชาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เสียชีวิต ซึ่งก่อนหน้านั้น 13 วัน ได้รับวัคซีนของ บริษัท ซิโนแวค เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2564 จากนั้น 5 วันต่อมาผู้ป่วยมีอาการใจสั่น จากนั้นหอบเหนื่อยและถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล และเสียชีวิต ในวันที่ 27 พ.ค. 2554 โดยแพทย์วินิจฉัยว่า มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตามข่าวนี้อาจสร้างความสงสัยถึงความปลอดภัยของวัคซีน เบื้องต้นผู้เชี่ยวชาญที่ให้คําปรึกษาแก่กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความเห็น ดังนี้

ภาวะการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary embolism) เกิดจากการที่มีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดเลือดดํา และหลุดไปอุดที่หลอดเลือดที่ปอด (Venous thromboembolism; VTE) เป็นหนึ่งในสาเหตุสําคัญที่ทําให้ผู้ป่วยมีอาการหายใจหอบเหนื่อยอย่างเฉียบพลัน และทําให้มีอัตราป่วยตายสูงได้ถึงร้อยละ 30

จากฐานข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขที่เก็บข้อมูลผู้ป่วยลิ่มเลือดอุดตันในปอด ระหว่างปี 2559-2563 พบว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคดังกล่าว ประมาณปีละ 12,900-26,800 ราย คิดเป็นอัตราการป่วยประมาณ 200-400 รายต่อประชากรหนึ่งล้านคน โดยปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ คือ พันธุกรรม ภาวะโรคมะเร็ง การไม่เคลื่อนที่เป็นเวลานานๆ การกินยาคุมกําเนิด หรือการได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมน เป็นต้น โดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับการได้รับวัคซีนใดๆ

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2554 พบว่า มีรายงานพบผู้ป่วยภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดภายหลังการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั่วโลกทั้งสิ้น 4,575 ราย จากการฉีดกว่า 1,800 ล้านคน คิดเป็นอัตราการเกิดโรคนี้เพียง 2.5 รายต่อประชากรล้านคนที่ได้รับวัคซีน ซึ่งจะเห็นได้ว่าต่ำกว่าอัตราการเกิดในผู้ไม่ได้รับวัคซีนอย่างมาก และที่สําคัญสําหรับวัคซีนของ ซิโนแวค นั้น มีรายงานพบ 7 ราย จากการฉีดไปมากกว่า 200 ล้านโดส และไม่พบสัญญาณที่บ่งว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีโอกาสเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดสูงขึ้น หรือวัคซีนเป็นสาเหตุโดยตรง

นอกจากนี้จากข้อมูลการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังการได้รับวัคซีนของ บริษัท ซิโนแวค มากกว่า 2 ล้านโดสในคนไทย ไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยลิ่มเลือดอุดตันในปอดภายหลังการได้รับวัคซีนดังกล่าว

ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนําให้ฉีดวัคซีนของซิโนแวคต่อไปได้ และผู้มารับบริการฉีดวัคซีนทั้งสองชนิด ไม่จําเป็นต้องหยุดการใช้ยาคุมกําเนิด เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน แต่ให้เฝ้าดูอาการหลังฉีดอย่างใกล้ชิด และหากมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่แน่ใจว่าจะมีภาวะนี้หรือไม่ เช่น อาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น ปวดบวมขา ให้ปรึกษาแพทย์โดยเร็ว.

ที่มา:thairath