เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 มี.ค. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ได้เปิดเผยภายหลังเดินทางไปออกรายการ โหนกระแส อีกครั้งว่า เมื่อคืนหลังจากที่ตนได้คุยกับพี่ชายคุณแตงโม พี่ชายก็โทรกลับมาหาตนในช่วงกลางคืน บอกว่าเรื่องที่คุยกันนั้น แม่คุณแตงโมค่อนข้างกังวล จนเป็นลม เขาไม่อยากให้คนในครอบครัวทะเลาะกันหนักมาก กลัวจะทะเลาะกันมากกว่านี้ พี่ชายคุณแตงโมจึงขอยกเลิกนัดทั้งหมด ทั้งการแถลงข่าวที่สภ.นนทบุรี และออกรายการในช่วงบ่าย ด้วยเหตุผลครอบครัว

นายษิทรา เปิดเผยต่อว่า ในตอนนี้คงไม่มีพยานหลักฐานเด็ดมาให้ คงจะเป็นการหาคำตอบว่าน้องตกตรงไหน ตอบคำถามสังคมมากกว่า ส่วนเรื่องจดหมายของคุณแม่ที่ห้ามตนยุ่งเกี่ยวกับคดี ตนไม่ได้สนใจอยู่แล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าในเป็นคนแนะนำให้คุณแม่เขียนจดหมาย รู้สึกตลกที่มาห้ามตนมาเป็นทนาย ตนไม่เกี่ยวกับคุณแม่ แค่มาเรียกร้องความเป็นธรรมให้แตงโม คุณแม่มีสิทธิ์ตามล่าหาความจริงคนเดียวซะที่ไหน แตงโมเป็นดารา ทุกคนมีสิทธิ์กันทั้งนั้น

นายษิทรา เปิดเผยต่อว่า ตนรู้อยู่แล้วว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง ทั้งเรื่องจดหมาย หรือการพูดในรายการต่าง ถือว่าใจร้ายมากเลย เพราะด้วยถ้อยคำหมิ่นประมาททั้งนั้น เป็นไปได้สูงอาจจะเป็นตำรวจที่ตนเปิดชื่อไป แล้วคุณแม่ก็แต่งตั้งทนายความแล้ว ก็เป็นทนายความที่ตำรวจคนนี้แนะนำมา อย่างที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์ว่าได้มีการปรึกษาเจ้าหน้าที่ แม้กระทั่งเรื่องเงินว่าจะเรียกเท่าไหร่ ตนขอฝากว่าระวังจะเอาไม่อยู่ คุณแม่พูดเยอะ วันหนึ่งเกิดผิดใจขึ้นมาระวังจะเอาไม่อยู่

นายษิทรา เปิดเผยต่อว่า ส่วนนักการเมืองชอช้าง ที่บอกว่ามีส่วนช่วยทั้ง 5 คน คือว่าเมื่อเช้าตนได้ฟังรายการหมาแก่ เขาบอกว่ามีคุณชาดา กับคุณไผ่ แล้วเมื่อกี้ได้มีการคุยกับคุณหนุ่ม พี่หนุ่มก็ได้บอกแล้วว่าคุณชาดานะไม่ใช่ ก็ต้องไปถามรายการหมาแก่แล้วครับ ส่วนวันนั้นที่ตนได้พบกันที่ร้านอาหารเขาก็ไม่ได้พูดให้ฟัง พูดแค่ว่าได้ปรึกษาทนาย และปรึกษาผู้เรื่องกฎหมาย แต่เขาไม่ได้บอกว่ามีนักการเมืองให้คำปรึกษา

ตอนนี้ตนไม่ทราบว่าผลการสอบจะออกมาเป็นยังไง ตนก็ไม่รู้ว่าจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหรือไม่ มีการทำลายพยานหลักฐาน หรือให้การเท็จหรือเปล่า ต้องรอดูกันผลของตำรวจจะเป็นยังไง เพราะเรื่องนี้มีลับลมคมในพอสมควร ตนได้ยินมาว่าต้องมีคนถูกดำเนินคดี คนที่อยู่ใกล้ชิดน้องแตงโมที่สุด เพราะเขาอาจจะมีการทำอะไรบางอย่างให้น้องแตงโมตกลงไป แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่ม แต่ทุกอย่างคงอยู่ในสำนวนของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ส่วนเรื่องยาเสพติดตนก็ได้ยินมาว่า เรื่องนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน

ส่วนคำให้การว่ายืนฉี่กับนั่งฉี่มีผลในคำให้การ เพราะมันแตกต่างกัน ถือว่าเป็นสาระสำคัญ ถ้าให้การเท็จก็มีความผิดอยู่แล้ว และตนเชื่อว่าบาดแผลที่ขาไม่ได้เกิดจากใบพัด แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังยืนยันแบบนั้น ตนก็ไม่รู้ว่าเขาทดลองให้ใบพัดหมุนหรือไม่

ที่มา khaosod