Apple เปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่ ในงาน Apple Event ครั้งแรกของปี 2022 ที่มีชื่อว่า ‘Peek Performance’ เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา
แอปเปิล (Apple) เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกและผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุดของปี 2022 ด้วย ‘iPhone SE’ และถือเป็นการกลับมาของสมาร์ทโฟนซีรีส์นี้ หลังห่างหายไปนานสองปี โดยยังคงแนวคิดการเป็น iPhone ที่มีราคาประหยัดที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนของแอปเปิล
ซึ่งในครั้งนี้ iPhone SE ก็ได้มีความเปลี่ยนแปลง โดยการเพิ่มชิป Apple A15 Bionic เข้าไป และตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อไร้สาย 5G ซึ่งทำให้รุ่นนี้ดีกว่า iPhone SE รุ่นเดิม และเร็วเกือบจะพอ ๆ กับ iPhone 13 และ iPhone 13 Pro เลยก็ว่าได้
ทั้งชิปตัวนี้ยังมีระบบประมวลผลภาพที่ Apple ใส่เข้ามาทำให้กล้อง 12 ล้านพิกเซลของ iPhone SE ถ่ายภาพออกมาแล้วเรนเดอร์ได้สวยกว่าเดิม ไล่สี แสง และสกินโทนได้อย่างงดงาม ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 15 และสามารถอัปเกรดต่อไปได้ แถมหน้าจออัปเกรดรองรับ Super HDR4
ขณะที่ การออกแบบ iPhone SE มีปุ่ม Home รองรับการใช้งาน Touch ID บนขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว จอเป็นแบบ Retina IPS LCD ความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล ตัวเครื่องออกแบบให้กันน้ำ-กันฝุ่น ตามค่ามาตรฐาน IP67 นอกจากนี้ แอปเปิลยังบอกว่า ตัวเครื่อง iPhone SE 2022 รุ่นใหม่จะมีแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าดีขึ้นในลักษณะที่เพิ่มประจุแบตเตอรี่ หรือมาจากการจัดการระบบพลังงานที่ดีขึ้นของชิป A15
โดย iPhone SE เริ่มเปิดให้จองศุกร์ที่ 18 มีนาคม ก่อนเริ่มส่งมอบเครื่องในวันที่ 25 มีนาคม ซึ่งราคาในประเทศไทยเริ่มต้นที่ 64GB = 15,900 บาท ,128GB = 17,900 บาท , 256GB = 21,900 บาท ซึ่งมีให้เลือกเป็นเจ้าของ 3 สีด้วยกัน ประกอบไปด้วย สตาร์ไลท์(สีขาว) , มิดไนท์(สีดำ) และ (PRODUCT)RED(สีแดง)
นอกจากนี้ภายในงาน ‘Peek Performance’ ยังมีการเปิดตัวหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ อาทิ
iPad Air Generation 5 ที่มีการนำชิปApple M1 มาใช้ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 60% พร้อมเปลี่ยนกล้องหน้าเป็นความละเอียด 12 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อกับ USB-C ได้เร็วขึ้น 2 เท่า และมาพร้อมกับ iPad OS เวอร์ชันใหม่ ที่มีฟีเจอร์ใหม่ทั้ง Application มากมาย โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 20,900 บาท
Apple Silicon M1 Ultra ขุมพลังใหม่ล่าสุดที่เป็นการนำ M1 Max เข้ามาติดกันและมีการทำงานให้รวมกันทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อให้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ระดับ Desktop PC โดยให้ความเร็วสูงและมี Core สูงสุด 20 Core แต่ประหยัดพลังงานเพราะใช้ไฟจาก Power Supply 200W และถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โดยสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ระดับ 2.0Gb/s
ที่มา khaosod.