เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ 31 พ.ค.64 นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1 (ท่าเสา) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.19 (บ้องตี้) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ทำการลาดตระเวนเชิงคุณภาพเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหมวดป้องกันชายแดน ที่ 1 ฉก.ลาดหญ้า (บ้านบ้องตี้) กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอไทรโยค เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 136 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.ภ.7 ได้ ขณะตรวจมาถึงบริเวณป่าบ้านสามัคคีธรรมซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย ท้องที่หมู่ 5 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค บริเวณพิกัด 47 P 0504109 E 1560031 N

พบเส้นทางลำลองเข้าไปในป่าจึงได้เดินเข้าไปตรวจสอบห่างจากถนนเส้นสามัคคีธรรม -บ้องตี้ ไปทางด้านทิศเหนือประมาณ 50 เมตร พบชายคนหนึ่งกำลังแบกไม้แปรรูปออกมาจากป่าคณะเจ้าหน้าที่แสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบและจับกุมตัว ทราบชื่อคือ นายมณเฑียร สายไหม อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/4 หมู่ 5 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

โดย นายมณเฑียร ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ตนได้เข้ามาตัดต้นไม้และแปรรูปไม้ในบริเวณนี้เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน โดยทำการตัดต้นไม้และแปรรูปไม้ไปเรื่อยๆ สะสมไม้ไว้เพื่อปลูกบ้านจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ให้ผู้ต้องหานำพาไปยังจุดที่ทำการตัดโค่นต้นไม้

เมื่อไปถึงพบต้นไม้เป็นชนิดไม้สักถูกตัดโค่นล้มคาตอจำนวน 13 ต้น ลักษณะเตรียมที่จะทำการแปรรูป โดยรอบตอไม้พบร่องรอยการแปรรูปไม้มีทั้งขี้เลื่อย เศษไม้ที่เหลือจากการแปรรูปกระจายอยู่เต็มพื้นที่
โดย นายมณเฑียร แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ไม้สักที่ตรวจพบทั้งหมดตนเป็นผู้ทำการตัดโค่นและทำการแปรรูปด้วยตนเองด้วยการนำเอาเครื่องปั่นไฟมาทำเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อใช้กับเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ดัดแปลงเป็นหินเจีย และได้นำไม้ที่ทำการแปรรูปแล้วไปเก็บไว้ที่ใต้ถุนบ้าน ที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร

ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัว นายมณเฑียร ไปตรวจค้นที่บ้านพัก พบแท่นเครื่องเลื่อยวงเดือนพร้อมใบเลื่อยวงเดือนติดอยู่กับแท่นมีไดร์นาโมไฟฟ้าเป็นตัวจุดให้ใบเลื่อยวงเดือนทำงาน โดยมีหลังคาต่อออกมาจากตัวบ้านเป็นที่ทำการแปรรูปไม้ และพบไม้สักแปรูรูป วางอยู่ข้างแท่นเครื่องเลื่อยและภายในใต้ถุนบ้าน จำนวน 2 กอง และ นายมณเฑียร ได้เข้าไปภายในบ้านพร้อมกับนำเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 2 เครื่อง เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 1 เครื่อง มามอบให้กับคณะเจ้าหน้าที่

เมื่อตรวจสอบที่บริเวณหน้าตัดของไม้ทุกแผ่นทุกท่อนไม่พบรูปรอยดวงตราใดๆ ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตีประทับเอาไว้แต่อย่างใด จึงเป็นอันแสดงได้ว่าได้ไม้นั้นมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

จึงคุมตัว นายมณเฑียร พร้อมด้วยของกลาง 3 รายการ ประกอบด้วย ไม้สักแปรรูป/ท่อนหวงห้าม จำนวน 4 ท่อน 59 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 2.70 ลบ.ม. คิดเป็นเงินค่าภาคหลวง 920 บาท คิดเป็นเงินที่รัฐเสียหาย จำนวน 276,000 เครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 2 เครื่อง โต๊ะแท่นเลื่อยวงเดือน 1 ตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ดำเนินคดีในข้อหา กระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 11,48,69,73 ข้อหา ทำไม้ ห้ามมิให้ผู้ใดแปรรูปไม้ ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครอง จำนวนเกิน 0.20 ลบ.ม. ข้อหามีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรูปรอยดวงตราค่าภาคหลวงรอยตรารัฐบาลขายและพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้ไม้นั้นมาโดยชอบด้วยกฎหมายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่

ข้อหากระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ข้อหาทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และข้อหา.กระทำผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ พุทธศักราช 2545 มาตรา 4 ฐาน ห้ามมิให้ผู้ใดครอบครองหรือนำเข้าเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์

ที่มา MATICHON