ยุน ซุกยอล (Yoon Suk-yeol) ผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้านสายอนุรักษนิยม คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ด้วยคะแนนเฉียดฉิวไม่ถึง 1% ขึ้นแท่นว่าที่ผู้นำประเทศคนใหม่ในปรากฏการณ์ที่ถูกเรียกว่าเป็น “แผ่นดินไหวการเมือง” สำหรับเกาหลีใต้ ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจนโยบายเศรษฐกิจและข่าวคราวอื้อฉาวต่างๆ ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ชัยชนะของ ยุน นับเป็นจุดพลิกผันครั้งใหญ่สำหรับพรรคพลังประชาชนเกาหลีใต้ (People Power Party) ซึ่งอยู่ในสภาพซวนเซมาโดยตลอด หลังจากที่อดีตประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ถูกรัฐสภาขับพ้นตำแหน่งเมื่อปี 2017
ยุน ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเข้ามาปราบการทุจริตรับสินบน ส่งเสริมความยุติธรรม และสนับสนุนการแข่งขันทางเศรษฐกิจอย่างเปิดกว้าง ขณะเดียวกันก็ประกาศจะ “รีเซ็ต” ความสัมพันธ์กับจีน และแสดงจุดยืนแข็งกร้าวต่อเกาหลีเหนือ
ยุน ยังต้องเตรียมมาตรการรับมือวิกฤตที่ท้าทายหลายอย่าง ทั้งปัญหาช่องว่างระหว่างคนต่างเพศและต่างช่วงวัย, ความไม่เท่าเทียมทางสังคม รวมไปถึงราคาที่พักอาศัยที่พุ่งสูงขึ้น
ศึกเลือกตั้งคราวนี้นับว่าเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดและสูสีที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ยุคใหม่ โดย ยุน นั้นเฉือนเอาชนะ อี แจ-มยอง (Lee Jae-myung) จากพรรครัฐบาลเดโมเครติกปาร์ตีไปด้วยคะแนน 48.6% ต่อ 47.8% จากผลการนับคะแนนที่ผ่านไปแล้ว 99.8% เมื่อเวลา 5.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันนี้ (10 มี.ค.)
อี ได้ออกมาประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ และแสดงความยินดีกับคู่แข่งของเขาแล้ว
“ผมทำดีที่สุดแล้ว แต่ไม่สามารถทำได้อย่างที่ทุกคนคาดหวัง” อี ระบุในงานแถลงข่าว พร้อมโทษว่าเป็นเพราะตนเอง “ยังมีข้อบกพร่องอยู่”
ความพ่ายแพ้ของ อี แจ-มยอง ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามว่านโยบายต่างๆ ที่เป็น “มรดก” ของประธานาธิบดี มุน แจอิน จะได้รับการสานต่อหรือไม่ โดยเฉพาะการเจรจากับเกาหลีเหนือซึ่งแทบจะหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2019
ผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่จะต้องเตรียมรับมือวิกฤตความสัมพันธ์กับเปียงยาง ซึ่งกระแสข่าวระบุว่ามีแผนจะส่งดาวเทียมสอดแนมขึ้นสู่อวกาศ และคาดว่าผู้นำโสมแดงอาจจะสั่งฟื้นการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) หรืออาวุธนิวเคลียร์ภายในปีนี้ หลังจากที่ระงับไปตั้งแต่ปี 2017
ยุน ประกาศจะสานสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับสหรัฐฯ ท่ามกลางภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ และการแข่งขันกับจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของเกาหลีใต้
ทำเนียบขาวได้มีถ้อยแถลงแสดงความยินดีต่อ ยุน พร้อมระบุว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน รอคอยที่จะได้ร่วมงานกับเขาเพื่อสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ดูยอน คิม ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์เพื่อความมั่นคงอเมริกันใหม่ (Center for a New American Security) ในกรุงโซล ชี้ว่า การก้าวสู่อำนาจของ ยุน “ทำให้คาดหวังได้ว่า ความเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้จะราบรื่นและเข้าขากันมากยิ่งขึ้น ทั้งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ จีน ภูมิภาค รวมถึงกิจการระดับโลก”
ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้คราวนี้มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ราว 77% จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 44 ล้านคน แม้สถานการณ์โควิด-19 ในเกาหลีใต้จะยังคงหนักหนาสาหัส โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่สูงถึง 342,446 รายเมื่อวันพุธ (9) ก็ตาม
ยุน รับปากว่าจะทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน เพื่อเยียวยาการเมืองที่แตกแยกและสร้างความเป็นปึกแผ่นในชาติ
“การแข่งขันได้จบลงแล้ว” ยุน กล่าว พร้อมทั้งฝากถ้อยคำขอบคุณไปยัง อี และผู้สมัครคู่แข่งรายอื่นๆ “เราทุกคนต้องจับมือกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อประชาชนและประเทศชาติของเรา”
Xว่าที่ผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่ยังบอกกับบรรดาผู้สนับสนุนว่า การสร้างความสามัคคีภายในชาติคือสิ่งที่รัฐบาลของเขาจะให้ความสำคัญเป็นที่หนึ่ง และประชาชนทุกคนจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม โดยไม่แบ่งแยกภูมิภาค ขั้วการเมือง หรือสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม
ที่มา mgronline.