5 เหตุผลที่ทำให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เก่งกาจเกินอายุ

กองหน้าจอมถล่มประตูกับทีมชาติไทย ถือเป็นของคู่กัน เพราะดินแดนสยามแห่งนี้ไม่เคยหยุดผลิตหัวหอกชั้นดีขึ้นมาประดับวงการ ไล่ตั้งยุคทองอย่าง “เดอะ ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน , “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง , “โจ้ 5 หลา” ศรายุทธ ชัยคำดี ก่อนส่งไม้ต่อให้ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา จนถึงปัจจุบัน

แต่ด้วยอายุอานามของ “เจ้ามุ้ย” ที่ก้าวเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพการค้าแข้ง ทำให้ “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ดาวยิงวัยทีนจากค่าย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มีลีลาการทำประตูอันเหนือชั้น ถูกยกให้เป็นทายาทเครื่องจักรสังหารประตูของทัพ “ช้างศึก” คนต่อไป

แล้วทำไม “ศุภณัฏฐ์” จึงเก่งกาจเกินอายุ เราจะไปหาคำตอบนั้นพร้อมกันกับบทความนี้…

พรสวรรค์

เขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ทางฟุตบอลเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่า ทำนองการยิงประตู “เจ้าแบงค์” ทำได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะยิงด้วยเท้าขวาข้างถนัด หรือเท้าซ้ายที่ไม่ถนัด แถมจังหวะโหม่งก็ทำได้ไม่เลว จนลืมไปว่านี่คือนักเตะวัยเพียง 18 ย่าง 19 ปี เท่านั้น

โดยเฉพาะจังหวะการจับบอลอย่างนิ่มนวลด้วยการไขว้หลอก ก่อนจะตามไปจิ้มบอลเข้าประตูอย่างเหนือชั้นใส่ ทาจิกิสถาน ในเกมนัดอุ่นเครื่องอย่างเป็นทางการ ระดับ เอ แมตช์ ที่ได้รับการรับรองจาก เอเอฟซี

จังหวะนี้การันตีว่า คำชมที่มีต่อ ศุภณัฏฐ์ ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด แถมการทุบสถิติยิงประตูมากมายตั้งแต่อายุ 14 ปี ยังเป็นการบงชี้ว่า พรสวรรค์ในตัวหัวหอกวัยทีนรายนี้ แจ่มจรัสขนาดไหน

การฝึกฝนอย่างหนัก

“เจ้าแบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เคยเปิดเผยว่า ตอนเด็กเขาต้องการเป็นนักฟุตบอลที่ดี เหมือน “เช็ก” สุภโชค สารชาติ พี่ชายเท่านั้น ไม่ได้หวังจะก้าวมาเป็นนักเตะทีมชาติไทย เหมือนปัจจุบัน แต่การได้เล่นและฝึกศาสตร์ลูกหนังอย่างหนักกับพี่ชาย กลายเป็นการยกระดับฝีเท้าตัวเองให้เก่งกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน

ไม่แปลกว่าทำไม่เวลาที่ ศุภณัฏฐ์​ ลงสนามในนามเยาวชนทีมชาติไทย เขามักเก่งกว่านักเตะรุ่นเดียวกันเสมอ แถมยังเล่นได้อย่างกลมกลืนกับรุ่นพี่ในทีม “ช้างศึก” ชุดใหญ่ ราวกับเป็นรุ่นเดียวกัน นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่า แม้จะมีพรสวรรค์สูง แต่หากปราศจากความขยันและหมั่นฝึกซ้อม คุณจะไม่มีวันที่จะเก่งขึ้นได้เลย

ความกล้า

หากสังเกตุแววตาของ ศุภณัฏฐ์ จะเห็นได้ว่าเขามีความเป็นนักสู้ซ่อนอยู่ในตัว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะครอบครัวไม่ได้เกิดมามีฐานะร่ำรวยมากนัก ทำให้เขาจำเป็นต้องมีความกล้าในการสู้ชีวิต ยิ่งตอนเด็กเวลาเล่นฟุตบอล เขามักโดนเพื่อนหรือรุ่นพี่อัดหนักอยู่เสมอ

แต่นั่นกลายเป็นแคลเซียมชีวิตชั้นดี ทำให้เขาไม่กลัวโดนนักเตะอายุมากกว่าหวดแข้ง ดังนั้นเมื่อเจอคู่ต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเดียวกัน หรือรุ่นพี่ เราจะเห็น ศุภณัฏฐ์ วิ่งใส่ลูกหนังแบบเต็มเหนี่ยวโดยไม่กลัวอาการบาดเจ็บ แม้แนวรับคู่ต่อสู้ จะรูปร่างใหญ่ และเล่นหนักเขาพร้อมเผชิญหน้า จนหลายครั้งเขาเอาชนะคู่ต่อสู้เหล่านั้นด้วยการหลุดไปทำประตูมานักต่อนักแล้ว

ศึกษาความเก่งจากยอดนักเตะ

มีน้อยคนนักที่จะรู้เคล็ดลับการยิงประตูอันร้ายกาจของ ศุภณัฏฐ์​ คือการดูคลิปยอดนักเตะระดับโลกยิงประตูก่อนลงสนาม โดยเฉพาะ ลิโอเนล เมสซี หรือ เนย์มาร์ 2 นักเตะที่เขาชื่นชอบ เพราะเขาเชื่อว่ามันเป็นแรงกระตุ้น แถมเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงจินตนาการเรื่องจบสกอร์ในสนาม

ไม่ว่าเขาจะได้รับบอลจากเพื่อนร่วมทีมแบบไหน เขาพร้อมส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายอย่างเลือดเย็น จนนักเตะรุ่นพี่หลายคนต้องปรบมือให้กับความสามารถอันเอกอุของดาวยิงจากค่าย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รายนี้ ซึ่งนักเตะคนไหนอยากทำตาม ศุภณัฏฐ์ เองก็ไม่ได้หวงทริกนี้แต่อย่างใด

ได้รับการดูแลอย่างดี

ความโชคดีของ ศุภณัฏฐ์ อย่างหนึ่งก็คือ การได้อยู่สโมสรใหญ่อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มีการจัดการระบบเยาวชนได้ดี ไม่ว่าจะเป็นความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตทั้งในและนอกสนาม ทำให้เขาไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางก่อนวัยอันควร นอกจากนี้เขายังได้รับสารอาหารและวิตามินหลากหลายชนิด เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่ง

นอกจากนี้สโมสรยังมีโปรแกรมฝึกซ้อมส่วนตัว เพื่อสร้างกล้ามเนื้อของเขาให้เฟิร์มกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าแม้จะอายุน้อย แต่ร่างกายและบาลานซ์ต่างๆ ของ ศุภณัฏฐ์ ดูเป็นธรรมชาติมาก ไม่แปลกที่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร จะไม่ลังเล ที่จะส่งดาวรุ่งรายนี้ไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยวัยเพียง 18 ปี เท่านั้น เพราะนายใหญ่ของ “ปราสาทสายฟ้า” มั่นใจว่าเพชรยังไงก็เป็นเพชร

สุดท้ายก็ขอส่งกำลังใจให้ ศุภณัฏฐ์ และทีมชาติไทย ประสบความสำเร็จในการลงทำศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มจี อีก 3 นัดข้างหน้า

เชื่อว่าหากวันไหนดาวยิงรายนี้ฟอร์มเข้าฝัก เขาจะเป็นทีเด็ดพาทัพ “ช้างศึก” เริงร่าได้อย่างแน่นอน

เพราะนี่คือว่าที่ยอดดาวยิง ผู้เตรียมขึ้นแท่นเป็นตำนานดาวซัลโวทีมชาติไทยในอนาคตอย่างแท้จริง.

ที่มา Ballthai.com