แฉทีม รมต.ขาใหญ่กร่างใส่ ตร.สภาคุมเข้าโควิด สั่งกราบขออภัย “ธรรมนัส” รีบแจงมีปะทะคารมกันจริง แต่เคลียร์กันจบแล้ว สำนักงานเลขาฯรีบดับกระแสไม่มีกราบเท้า ฝ่ายค้านถลุงต่อ พ.ร.บ.งบฯ 65 พท.ฉะสำนักงบฯให้อภิสิทธิ์กองทัพมากไป ก้าวไกลซัดปล่อยทุนใหญ่กลืนกินเอสเอ็มอี “พิสิฐ” ทักท้วงรัฐบาลก่อหนี้ทะลุเพดาน ทำผิด ก.ม.วินัยการเงินการคลัง เด็ก ภท.แซะไม่เลิก กทม.-ศบค.ไปคนละทาง รมว.คลังรับเสียงอ่อยจำเป็นต้องสร้างหนี้ ยันหนี้สาธารณะยังอยู่ในกรอบ จ่อขยายเพดานหนี้ พร้อมปรับระบบรีดภาษีใหม่ “บิ๊กตู่” บ่นพรรคร่วมซัดโครมๆ ฉุนจัด “อัศวิน” จ้องหาเสียง ยันเคลียร์ “เสี่ยหนู” เข้าใจแล้ว ศาลปล่อย “อานนท์-ไมค์” แต่ “จัสติน” วืด
การประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ รายจ่ายประจำปี 2565 เป็นวันที่สอง พรรคฝ่ายค้านยังคงอภิปรายพุ่งเป้าไปที่การจัดงบฯไม่ตอบโจทย์วิกฤติของประเทศ ขณะที่นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ทักท้วงเป็นห่วงการจัดงบฯ อาจกระทำผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง
ฝ่ายค้านไล่ถลุงต่อ พ.ร.บ.งบฯ 65
เมื่อ 09.00 น. วันที่ 1 มิ.ย. ที่รัฐสภามีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่สอง ส.ส.ฝ่ายค้านส่วนใหญ่ยังคงอภิปรายพุ่งเป้าไปที่การจัดงบฯไม่ตอบโจทย์วิกฤติของประเทศ การช่วยเหลือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ละเลยไม่ดูแลธุรกิจเอสเอ็มอี การท่องเที่ยว อาทิ นาง มนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า รัฐบาลวางยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 6 ด้าน ภายใต้ กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ล้มเหลวอยู่ในความฝัน ไม่สนใจปัญหาความเดือดร้อนประชาชน งบฯที่ตั้งไว้ไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องโควิด-19 ไม่ดูแลคุ้มครองกลุ่มเปราะบาง และผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ได้ทั่วถึงและเป็นธรรม สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 จะมีคนจนเพิ่มขึ้น 11 ล้านคน มีคนตกงานจำนวนมาก
ปล่อยทุนใหญ่กลืนกินเอสเอ็มอี
นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณปี 2565 น่าผิดหวัง งบเอสเอ็มอีถูกตัด รัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี การตัดงบบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) คือการตัดโอกาสที่เอสเอ็มอีจะได้กู้เงิน ตัวเลขล่าสุดรัฐบาลมียอดค้างจ่าย บสย. 56,000 ล้านบาท ทำให้ธนาคารไม่ปล่อยกู้เอสเอ็มอี 4 ปีที่ผ่านมากลุ่มทุนใหญ่กู้เงินได้มากขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์ ผิดกับเอสเอ็มอีกู้ได้ลดลง ถูกตัดออกจากวงจรการเข้าถึงสินเชื่อ รัฐบาลปล่อยทุนใหญ่กลืนกินเอสเอ็มอี ไม่ต้องการช่วย ทำให้เสี่ยงต่อการปิดกิจการจำนวนมาก
“พิสิฐ” ห่วงผิด ก.ม.วินัยการคลัง
นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมช.คลัง อภิปรายว่า อยากให้สังคายนาระบบงบประมาณใหม่ ไม่ใช่เน้นแต่การสร้างรั้ว สร้างถนน แล้วบอกเป็นการลงทุน การสร้างถนนที่ไม่มีรถวิ่งไม่ใช่การลงทุน ทำให้เงินลงทุนที่จะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นด้อยลง สิ่งที่น่าห่วงขณะนี้คือฐานะการคลังและหนี้ของรัฐบาลจากพิษสถานการณ์โควิด-19 กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ กำลังเข้าสู่ภาวะตัวเลขเกินเพดานหนี้ร้อยละ 60 อันเป็นผลจากการตั้งงบประมาณขาดดุลปี 2564 และ ปี 2565 ค่อนข้างสูง รวมกับการกู้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในปี 2563 และกู้อีก 5 แสนล้านบาท ในปี 2564 ขณะที่รัฐบาลมีรายได้ต่ำ ไม่อยากให้มีการทำผิดกฎหมายโดยการอนุมัติงบรายจ่ายปี 2565 ที่ผ่านมา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2565 ประเทศไทยขาดดุลเกิน 1 ล้านล้านบาทแล้ว ทำให้ตัวเลขหนี้ต่อจีดีพีจะสูงเกินร้อยละ 60 แน่นอน หากสภาฯอนุมัติงบฯปี 2565 จะทำให้รัฐบาลก่อหนี้เกินร้อยละ 60 เท่ากับเปิดทางให้รัฐบาลทำผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง
ฉะสำนักงบฯให้อภิสิทธิ์กองทัพ
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับการจัดงบประมาณกระทรวงกลาโหม แม้จะบอกว่าลดแต่ลดไม่จริงโดยเฉพาะงบบุคลากรที่กองทัพมีนายพลจำนวนมาก เลื่อนยศตอบสนองกัน ไม่ดูว่าขณะนี้ชาวบ้านลำบาก กองทัพคือปัญหาประเทศ ไม่ได้รังเกียจทหารแต่จัดงบฯแบบนี้ไม่ได้ ต้องโทษสำนักงบประมาณที่ให้กระทรวงกลาโหมได้รับสิทธิพิเศษเรื่องงบบุคลากร และยังมีงบผูกพันมากมาย โดยเฉพาะกองทัพบกมีทั้งสิ่งก่อสร้างอาคารบ้านพัก การเช่ารถยนต์ต่างๆ ควรลดลง ฝากต่อไปการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการฯ อะไรที่เริ่มในงบฯปี 65 ขอตัดให้หมด กองทัพต้องลดบุคลากรลง ภารกิจหลักกองทัพคือป้องกันประเทศ ทหารไม่ต้องทำทุกเรื่อง ไม่เช่นนั้นทหารก็ยุ่งทุกเรื่อง ขอให้รีดออก 30-40 เปอร์เซ็นต์ ทหารไทยต้องปฏิรูป อย่าคิดว่ายิ่งใหญ่ งบที่ไม่ใช่ภารกิจหลักทหาร ต้องโอนให้ฝั่งพลเรือนดำเนินการ
แซะ กทม.-ศบค.ไปคนละทิศทาง
นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า การจัดงบฯปี 65 ถือว่าพิลึกพิลั่น กระทรวงสาธารณสุขที่เป็นหัวหอกแก้ปัญหา โควิด ถูกตัดงบฯถึง 4,308 ล้านบาท จัดงบฯไม่เห็น ความสำคัญทางสาธารณสุข โดยเฉพาะกรมควบคุมโรค ได้งบฯแค่ 3,565 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 ถึง 479 ล้านบาท กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ 1,244 ล้านบาท ลดลง 144 ล้านบาท ส่วนการแพร่ระบาด เชื้อโควิดใน กทม. ที่มีผู้ติดเชื้อวันละเป็นพันคน กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ดูแล กทม. แต่ขึ้นกับกระทรวง มหาดไทย การระดมวัคซีนฉีดให้คน กทม.ก่อนนั้น ต้องไปเบียดเบียนวัคซีนจากโควตาต่างจังหวัด ที่คน ต่างจังหวัดพร้อมเสียสละให้ได้ แต่ต้องมั่นใจว่าจะ แก้ปัญหาจบได้จริง หวังว่าการทำงานระหว่าง กทม. กับ ศบค. จะแก้ปัญหาร่วมกันได้ดี อย่าให้เหมือนเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ตอนบ่าย กทม.ประกาศผ่อนปรนกิจการ 5 ประเภท แต่ตอนเย็น ศบค.กลับยกเลิก นี่คือความล้มเหลว ความบกพร่อง การจัดทำงบประมาณ ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลหรือสภาฯชุดนี้ ควรจัดงบให้ดี พาชีวิตประชาชนกลับสู่ปกติ
รมว.คลังแจงปรับระบบรีดภาษี
ต่อมา เวลา 11.55 น. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงว่า ช่วงปี 2563-2565 ยังอยู่ ในวิกฤติโควิด-19 แต่คาดหวังว่าปี 2565 เศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวได้ สองปีนี้มีความจำเป็นใช้งบฯ เพิ่มขึ้น ต้องแก้ไขสัดส่วนต่างๆที่กำหนดโดยนโยบายการเงินการคลัง ทุกอย่างทำตามกฎหมาย การใช้เงินกู้ ทำตามหลักการ ส่วนหนี้สาธารณะจะทะลุเพดานหรือไม่ ขณะนี้ยังอยู่ในกรอบร้อยละ 60 ตามที่คณะกรรมการวินัยการเงินการคลังกำหนด การพิจารณาแผนบริหารหนี้สาธารณะ ทำแผนระยะสั้นคือแผนการบริหารประจำปี และระยะปานกลางคือแผนบริหารใน 3 ปีข้างหน้า อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการวินัย การเงินการคลังพิจารณากรอบการบริหารต่อไป อีกด้าน คือ เรื่องการขาดดุล การปฏิรูปการจัดเก็บรายได้แผ่นดิน จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่เสียภาษี และอำนวยความสะดวกด้านเทคโนโลยีให้มากขึ้น รวมถึง ภาษีใหม่ๆที่ยังไม่เคยจัดเก็บ จึงต้องศึกษาและขอความช่วยเหลือจากธนาคารมาช่วยศึกษาระบบการจัดเก็บภาษี ว่าควรปรับปรุงอย่างไร เพื่อให้มีความยั่งยืนในการจัดเก็บรายได้ในอนาคต
“เต้” แฉเอกชนถูกรีดหัวคิววัคซีน
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายว่า ขอตั้งฉายา รัฐบาลชุดนี้ว่า รัฐบาลชักหน้าไม่ถึงหลัง 3 ปีที่ผ่านมา มีรายจ่ายทั้งหมด 9.5 ล้านล้านบาท แต่มีรายรับแค่ 7.7 ล้านล้านบาท มีการกู้เงินรวมแล้ว 3.2 ล้านล้านบาท ขณะที่การได้วัคซีนช้าเพราะความประมาทของนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ที่ผูกขาดไว้แค่ 2 ยี่ห้อ แม้ภาค เอกชนและโรงพยาบาลเอกชนจะพยายามนำวัคซีนเข้ามาก็ไม่สามารถทำได้ เพราะมีการตั้งกำแพงค่าหัวคิวการฉีดโดสละ 500-1,000 บาท ปัญหาที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้มีความสามารถสร้างหนี้อย่างเก่งกาจ แต่ไม่มีประสิทธิภาพแก้เชื้อโควิด
“บิ๊กตู่” โยงใช้หนี้จำนำข้าวเฉย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ชี้แจงว่า วันนี้มีวัคซีน 2 ยี่ห้อ คาดว่าจะได้ยี่ห้ออื่นเข้ามาอีกในเดือน มิ.ย. ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่ปัญหาคือวันนี้ทุกประเทศแย่งชิงวัคซีนกัน การใช้งบวัคซีนรัฐบาลใช้ทั้งงบปกติ งบพิเศษ ทั้งเงินกู้และงบกลาง ไม่มีปัญหาการซื้อวัคซีน ยืนยันว่า ศบค.ไม่ได้ใช้อำนาจตนเพียงคนเดียว แต่รัฐมนตรีทั้งหมดอยู่ในนี้ รวมถึง กทม. แพทย์ ที่ปรึกษา บุคลากรทางการแพทย์ร่วมตัดสินใจ ท่านเข้าใจผิดอะไรหรือไม่ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามสถานการณ์ งบวัคซีนมีไม่จำกัด ในสถานการณ์หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นตนใช้หนี้จำนำข้าวไปแล้ว 7.5 แสนล้านบาท เหลือภาระหนี้อีก 2.8 แสนล้านบาท ต้องใช้อีก 12 ปีถึงหมด
“หนู” โอ่มีงบซื้อวัคซีนไม่อั้น
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ชี้แจงว่า รัฐบาลมีงบไม่จำกัดในการซื้อวัคซีนทุกยี่ห้อที่มีประสิทธิภาพ ขอให้มั่นใจ ส่วนเรื่องค่าเสี่ยงภัยนั้นรัฐบาลนี้อนุมัติค่าตอบแทนค่าเสี่ยงภัย 1,500 บาท ให้แพทย์และพยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 1,000 บาท ที่เข้าเวรดูแลผู้ป่วยโควิด มีการเบิกค่าใช้จ่ายไปครบแล้ว เรื่องความพร้อมของระบบนั้นรัฐบาลนี้เท่านั้นที่กล้าให้คำยืนยันว่าคนไทยหรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย หากติดโควิดจะได้รับการรักษาถึงมือ แพทย์ทุกคน ไม่มีใครถูกเลือกไม่ได้รับการรักษาเหมือนประเทศอื่น ไม่มีผู้ป่วยคนใดถูกทอดทิ้ง จัดระบบการรักษาอย่างเหมาะสมและเข้าถึง มีการอนุมัติงบประมาณโดยเร็ว
รมต.กร่างบังคับ ตร.สภาขอโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ระหว่างการประชุมสภาฯพิจารณาร่างงบฯ 65 เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่มีมาตรการควบคุมทางสาธารณสุขป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด ผู้ที่เข้า-ออกต้องสวมหน้ากากอนามัย ตรวจวัดอุณหภูมิ แสดงตนเข้าพื้นที่ กรอกแบบสอบถามทางออนไลน์ พร้อมขอความร่วมมือ ส.ส.ให้มีผู้ติดตามเข้ามาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ปรากฏว่าได้เกิดเหตุกระทบกระทั่งระหว่างตำรวจรัฐสภาที่ประจำประตูทางเข้า-ออกชั้นบี 1 กับทีมงานรัฐมนตรีช่วยรายหนึ่ง ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก หลังรัฐมนตรีรายดังกล่าวกรอกข้อมูลและผ่านจุดกรองแล้ว แต่ทีมติดตามยังไม่ได้กรอกประวัติ ตำรวจรัฐสภาจึงกล่าวว่า “ขอโทษครับ ทำตามขั้นตอนด้วยครับ” และไม่อนุญาตให้เข้าอาคารตามคำสั่งของประธานรัฐสภา ขณะที่ทีมติดตามพยายามเดินตามจนทำให้รัฐมนตรีคนดังกล่าว หันกลับมาพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า “มึงจะเอาอะไรกับกูหนักหนา” จากนั้นผู้ติดตามทั้ง 2 คนเดินตามรัฐมนตรีขึ้นไปห้องทำงานส่วนตัว พร้อมข้าราชการสภาฯระดับ ผอ.ที่เป็นผู้หญิงอีก 2 คน ที่มารอรับอยู่ที่ประตูทางเข้าออก ท่ามกลางสายตาบุคลากรรัฐสภาจำนวนมากที่จุดคัดกรอง หลังจากนั้นมีการประสานมาที่ ผอ.สำนักรักษาความปลอดภัยรัฐสภา ให้เรียกตัวตำรวจรัฐสภารายดังกล่าวมาพบ และสั่งให้คุกเข่าขอโทษรัฐมนตรีทั้งชุดเครื่องแบบ
“ผู้กองนัส” ยัน ตร.สภาก้าวร้าวก่อน
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ยอมรับว่าทีมผู้ติดตามเป็นตำรวจของตนจริง จำนวน 2 คน แต่ตำรวจรัฐสภาให้เข้าได้เพียงคนเดียว ตนมีเอกสารเยอะจึงขอให้ผู้ติดตามขึ้นไปส่ง พร้อมปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโควิด-19 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาไม่ยอม รวมถึงมีการใช้วาจาที่ไม่สุภาพ จึงมีการถกเถียงกันขึ้นระหว่าง 2 ฝ่าย เมื่อขึ้นไปห้องรับรองแล้วเห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงเรียก ผอ.สำนักฯมาชี้แจงให้ฟัง เพราะเห็นว่าตำรวจรัฐสภาใช้วาจาไม่สุภาพใส่ทั้งตนและผู้ติดตาม ควรพูดและอธิบายกันดีๆ ก็ได้ เพราะสถานที่ดังกล่าวมีทั้ง ส.ส. รัฐมนตรี รวมถึงผู้ใหญ่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ผอ.คนดังกล่าวจึงเรียกตำรวจรัฐสภาคนนั้นขึ้นมา และทำความเข้าใจกัน มีการยกมือไหว้ขอโทษกัน ยืนยันไม่ได้มีการกราบเท้าตามข่าว อันนั้นมันเกินไปจะทำแบบนั้นได้อย่างไร เข้าใจดีว่าเป็นที่จับตามอง และถูกโจมตีตลอดในเรื่องแบบนี้ ขอย้ำว่าไม่ได้กร่าง แต่ถูกกร่างใส่ด้วยคำไม่สุภาพ
สภาฯดับกระแสไม่มีการกราบเท้า
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังเกิดกระแสข่าวดังกล่าว ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พบว่าเหตุการณ์เกิดที่ชั้นบี 2 เนื่องจาก ร.อ.ธรรมนัสมีผู้ติดตามมา 2 คน แต่ตามมาตรการรัฐสภาทำให้นายตำรวจรัฐสภานายหนึ่งแจ้งต่อผู้ติดตาม ร.อ.ธรรมนัสด้วยเสียงที่ดัง เพราะเป็นคนพูดเสียงดังอาจฟังดูไม่สุภาพ แต่ได้ขอโทษผู้ติดตาม ร.อ.ธรรมนัส ณ จุดที่เกิดเหตุแล้ว และยังแสดงความประสงค์เข้าขอโทษ ร.อ.ธรรมนัส ทำให้มีการนำตำรวจคนดังกล่าวไปขอโทษ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัสได้ตักเตือนว่าไม่ว่าจะเป็น ส.ส. หรือบุคคลทั่วไป ควรพูดด้วยวาจาสุภาพ สำนักงานฯยืนยันว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่กรณีการพกอาวุธปืนเข้าสภาฯ และไม่มีการสั่งบังคับให้นายตำรวจกราบเท้าขอโทษตามที่เป็นข่าว เป็นเพียงการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกันเท่านั้น
“บิ๊กตู่” บ่นพรรคร่วมซัดโครมๆ
วันเดียวกัน เวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เชื่อมไปยังรองนายกฯ และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ทั้งนี้ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ยังคงไม่ยอมแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันแล้ว เพียงส่งคนใกล้ชิดออกมาแถลงตอบโต้ประเด็นการเมืองแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างประชุมปรากฏว่าเกิดปัญหาสัญญาณอินเตอร์เน็ตทำให้เกิดจอดับถึง 3 ครั้ง จนการประชุมต้องสะดุดเป็นระยะๆ ทั้งนี้มีบางช่วงที่พูดถึงบรรยากาศการประชุมสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พล.อ.ประยุทธ์ได้ปรารภเชิงตัดพ้อน้อยใจ กรณีมี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การจัดทำงบประมาณว่า “ขอให้ช่วยๆกัน ตรงไหนเกี่ยวข้องก็ให้ช่วยเร่งตอบ ปากก็ว่าโอเค แต่ปล่อยให้ลูกพรรคซัดโครมๆ” พร้อมสั่งให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ช่วยชี้แจงงบฯในส่วน สธ.ที่ถูกตัดไป และจะได้ตรงไหนจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทบ้าง
ควันออกหู “อัศวิน” จ้องหาเสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า บางช่วง พล.อ.ประยุทธ์แสดงอาการหงุดหงิดต่อกรณี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ที่ประกาศผ่อนคลาย 5 กิจการ กิจกรรม ไปเมื่อวันที่ 31 พ.ค. จน ศบค.ต้องออกมาเบรกในตอนค่ำว่า ทำอะไร ตัดสินใจอะไรไปโดยไม่ยอมบอกแต่กลับประกาศออกไปเลย เหมือนหวังจะหาเสียง จนนายกฯต้องออกมาเบรกเอง เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
เคลียร์กับ “เสี่ยหนู” เข้าใจดีแล้ว
ต่อมาเวลา 14.20 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคภูมิใจ ไทย ท้วงติงการจัดสรรงบฯกระทรวงสาธารณสุขว่า ชี้แจงได้อยู่แล้ว ทำความเข้าใจกับนายอนุทินเรียบร้อยและเข้าใจแล้ว พูดคุยกันใน ครม.แล้ว หลายเรื่องมีงบฯทดแทนในส่วนอื่น โดยเฉพาะความเดือดร้อนของประชาชนที่รัฐบาลดูแลทุกเรื่อง บางอย่างใช้วงเงินนอกกรอบงบฯ จะบอกว่าใช้งบฯน้อยคงไม่ใช่ อาจไม่ได้ดูรายละเอียดตรงนี้ ดังนั้น การพูดอะไรต้องมีรายละเอียด เมื่อถามว่านายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชวนนายอนุทินถอนตัว พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็แล้วแต่ เป็นเรื่องหัวหน้าพรรคจะไปพิจารณาเอง เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลยังดีอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
9 มิ.ย.ถก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสน ล.
นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า สภาฯบรรจุระเบียบวาระพิจารณา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม (พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มีหนังสือถึงประธานสภาฯ สั่งให้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมวันที่ 9 มิ.ย.
ปล่อย “อานนท์-ไมค์”-“จัสติน” วืด
ช่วงเช้าที่ศาลอาญา ศาลนัดไต่สวนผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์คำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง จำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.287/2564 ที่พนักงานอัยการฟ้องฐานหมิ่นเบื้องสูงและยุยงปลุกปั่นฯ ตาม ป.อาญามาตรา 112, 116 และข้อหาอื่นๆจากการชุมนุมปักหมุด 19 กันยา ทวงคืนอำนาจและคดีของนายชูเกียรติ หรือจัสติน แสงวงค์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ร่วมชุมนุมกับกลุ่มรีเด็ม ที่สนามหลวง แปะป้ายลบหลู่สถาบันฯ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยัง รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิม-พระเกียรติ หลังศาลพิเคราะห์มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทั้ง 3 คน กำหนดเงื่อนไขไม่ให้ไปกระทำกิจกรรมที่เสื่อมเสียต่อสถาบันฯ ไม่ร่วมการชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ให้มาศาลตามนัด โดยนายอานนท์กับนายภาณุพงศ์ มีญาติมารับกลับบ้าน ขณะที่นายชูเกียรติยังถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามหมายศาลอาญากรุงเทพใต้อีกคดี
ที่มา:thairath