ตร. เตือน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รูปแบบใหม่ พยายามหลอกเอาข้อมูลบุคคล จากหน่วยงานรัฐและเอกชน ย้ำอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด
วันที่ 21 มี.ค. 65 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น
ขณะนี้ตรวจสอบพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้มีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายในการหลอกลวง เป็นหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรเอกชนมากขึ้น โดยมักจะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เช่น อัยการ ศาล ปปช. ปปท. และหน่วยงานรัฐอื่น ๆ โทรศัพท์เข้ามายังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานด้านการปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนต่าง ๆ
โดยอ้างว่าต้องการประสานงาน หรือขอความร่วมมือ ในการติดตามบุคคลเพื่อขอหมายจับ หรือต้องการข้อมูลว่าบุคคลที่พักอาศัยอยู่ในบ้าน หรือทำงานในบริษัท มีใครบ้าง บางครั้งอาจพยายามหลอกให้เจ้าหน้าที่เข้าไปติดต่อกับเป้าหมายโดยตรง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ได้ตรวจสอบพบความพยายามในการหลอกใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว แต่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการกำหนดมาตรการในการป้องกันเหตุดังกล่าวอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจรับการติดต่อจึงไม่หลงเชื่อและได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ซึ่งกรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการสืบสวนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงเจ้าของบัญชีธนาคารที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด อย่างต่อเนื่อง จึงขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน หน่วยงานของรัฐ และองค์กรเอกชน ว่าอย่าหลงเชื่อบุคคลที่อ้างว่าติดต่อมาจากหน่วยงานภาครัฐ
เพื่อขอข้อมูลบุคคลหรือขอให้ช่วยเหลือในการปฏิบัติงานเป็นอันขาด โดยให้สอบถามชื่อ ตำแหน่ง หน่วยงาน และหนังสือราชการ ในการประสานงานขอความร่วมมือ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชน หรือองค์กรใด พบเห็นบุคคลที่มีพฤติกรรมแอบอ้างดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา khaosod