บิ๊กตู่ ชี้ไม่มีอะไรแก้ไขได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ถ้าไม่เตรียมความพร้อม เจอหนักกว่านี้ ขอทุกคนอย่าสิ้นหวัง หมดกำลังใจ เผยเติมใจให้ตัวเองทุกวัน เมินคนเยินยอ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 มี.ค.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือ 7 กระทรวง : การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัย และผู้สูงอายุ) พ.ศ.2565-2569 พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และนายสัมพันธ์ ฤทธิเดช เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังพลของชาติ ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในแต่ละงานไม่สามารถทำได้เพียงคนๆเดียว รัฐบาลต้องทำงานร่วมกันในหลายกระทรวง ถือเป็นห่วงโซ่ที่ต้องทำงานไปด้วยกัน ไม่ใช่แค่การพูด จะต้องนำเอางานทั้งหมดมาคุยกัน
รัฐกำหนดโจทย์ไว้ในยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ข้อ ครอบคลุมทั้งหมด ถือเป็นแผนแม่บท ซึ่งเราต้องเตรียมทุกอย่างไว้ ถ้าเราไม่ทำอะไรกันเลย ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้น เราอาจจะเจอปัญหาหนักกว่านี้ ถ้าเพียงแต่พูดแล้วไม่ทำ หรือไม่ริเริ่ม ไม่มีทางจะเป็นไปได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทุกคนอยากได้อะไรที่รวดเร็ว จนบางครั้งลืมไปว่าเราร่วมมือกับใครอย่างไรบ้าง ซึ่งจะโทษใครไม่ได้ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันสร้างความรับรู้ว่า ถ้าเราจะไปด้วยกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนจะต้องร่วมมือกัน
ขอร้องว่าทุกคนอย่าท้อแท้ สิ้นหวัง หรือหมดกำลังใจ ตนพยายามเติมใจให้ตัวเองตลอดเวลาทุกวันว่าต้องทำงานให้สำเร็จตราบใดที่เรายังมีหน้าที่อยู่ หลายอย่าง ตนอาจเข้าไปก้าวล่วง อาจจะเตือนเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือสอบถามว่าเรื่องนี้ทำหรือยัง ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องทำและต้องขอโทษ เพราะมันคือหน้าที่ของคนเป็นนายกฯ อะไรที่สงสัยก็ถาม อธิบายกลับมาตนก็เข้าใจ
สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้คือ การพุ่งเป้าหาเป้าหมายให้เจอ และเริ่มให้ได้โดยเร็วที่สุด และทยอยทำทุกอย่างที่จะเพิ่มมากขึ้น ถ้าทำทีเดียวไม่มีทางสำเร็จ เพราะไม่มีผลงานปรากฏให้คนอื่นรู้ เพราะไม่ได้สร้างการรับรู้ ดังนั้น ต้องสร้างการรับรู้จะได้เห็นถึงปัญหา เราทำหลายอย่าง ทั้งของเก่าและของใหม่ และอนาคต ประชาชนต้องรับรู้ว่าได้รับการดูแลไปแล้วมากน้อยแค่ไหน และย้อนกลับไปดูว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง
นายกฯ กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญคือ ต้องการประชาชนที่มีศักยภาพสูง แต่สิ่งสำคัญคือ การสร้างหลักคิดของประชาชนขึ้นมาให้ได้ เราเป็นคนไทยเป็นคนช่างคิดอยู่แล้ว มีวรรณคดีต่างๆมากมาย คนไทยช่างคิด และมีความโรแมนติกอยู่เยอะแยะไปหมด ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย จะทำอย่างไรให้เขามั่นคงกับสิ่งที่เราทำให้ ด้วยความเข้าใจกันและกัน ตนถือว่าทั้งหมดเป็นความท้าทาย ทุกหน่วยงานต้องหาวิธีที่เหมาะสมติดตามเอาใจใส่ สร้างความร่วมมือระหว่างกันให้ได้ และต้องอดทนกับการแก้ไขปัญหา
“ไม่มีปัญหาอะไรที่จะแก้ได้ด้วยการพูดไม่กี่คำหรือทำไม่กี่ปี หลายอย่างต้องทำอย่างต่อเนื่อง และทุกคนต้องสร้างการเรียนรู้ให้ได้มากขึ้น เพื่อให้สังคมเราปลอดภัย สันติสุขสงบ นั่นคือความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนอย่างแท้จริงในทุกมิติ ผมไม่ต้องการคำเยินยอ หรืออะไรต่างๆจากใครทั้งสิ้น ขอให้ภูมิใจจากสิ่งที่เราทำ เราทำดีก็รู้ตัวว่าเราทำดี เราทำไม่ดีก็รู้ตัวว่าเราทำไม่ดี ทำไม่ดีก็แก้ไขเท่านั้นเอง ทำดีอยู่แล้วก็ทำให้ดีมากขึ้นทุกวัน นั่นคือสิ่งที่ผมคิดมาตลอด และผมคิดว่าทุกคนร่วมมือกับผมมาด้วยดีเสมอมา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ที่มา khaosod