จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาระหว่างพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระแรก วันที่สอง ในวันที่ 1 มิถุนายน ในประเด็นการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19

โดยตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราพยายามทำเต็มที่ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ งบวัคซีนตนมีไม่จำกัด ในสถานการณ์ที่หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ตนใช้หนี้จำนำข้าวไปเท่าไหร่ ไม่อยากจะย้อนกลับ แต่ใช้หนี้ไปแล้ว 7 แสน 5 พันล้านบาท เหลือภาระหนี้อีก 2.8 แสนล้านบาท ต้องใช้อีก 12 ปีถึงจะหมด

ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องทั้งหมดนี้ว่า เมื่อวานได้ฟังคุณประยุทธ์ชี้แจงในสภาว่าหนี้สาธารณะเพิ่ม เพราะมีหนี้จำนำข้าวในลักษณะที่เป็นการพาดพิงถึงดิฉัน โดยอ้างว่าท่านใช้หนี้ไปแล้ว 7 แสน 5 พันล้านบาท และเหลือภาระหนี้อีก 2.8 แสนล้านบาท ต้องใช้หนี้อีก 12 ปี ถึงจะหมดนั้น ขอยืนยันว่าคุณประยุทธ์กล่าวเท็จในสภา และก็อยากบอกว่า 1.เมื่อคุณประยุทธ์ทำรัฐประหารยึดอำนาจนั้น ยอดหนี้สาธารณะของโครงการ เป็นภาระค้ำประกัน และมียอดไม่ถึง 5 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน และโครงการยังมีสต๊อกข้าวสารหลายแสนล้านบาท ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปสอบถาม รมว.คลังของท่านดู เสียดายที่รัฐบาลท่านปล่อยปละให้มีการทุจริต นำข้าวดีๆ เหล่านั้นไปจัดเกรด ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำมาก่อน มีผลให้นำไปขายในราคาต่ำกว่าราคาจริง เป็นอาหารสัตว์บ้าง เป็นพลังงานบ้าง ซึ่งถ้าขายข้าวกันอย่างสุจริต ภาระคงค้างที่เกิดจากภารกิจช่วยเหลือชาวนาอย่างจริงจังในครั้งนั้นก็ย่อมจะไม่มาก และโครงการก็มีความคุ้มค่าต่อภารกิจ และเศรษฐกิจโดยรวม ตามรายงานของสภาพัฒน์อีกด้วย

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า 2.ส่วนคำกล่าวหาในลักษณะที่ว่ารัฐบาลดิฉันสร้างหนี้มาก มาดูข้อมูลจริงกัน ในช่วง 3 ปีงบประมาณ (2555-2557) ที่ดิฉันบริหารงาน การกู้เงินเพื่อชดเชยงบประมาณขาดดุลลดลง ต่อเนื่องทั้ง 3 ปี จาก 400,000 ล้านบาท เป็น 300,000 ล้านบาท และ 250,000 ล้านบาท (และวางเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นงบประมาณสมดุล ในปี 2560) รวมยอดหนี้ฯ 3 ปีงบประมาณ เท่ากับ 950,000 ล้านบาท

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า 3.มาดูฝีมือสร้างหนี้ของคุณประยุทธ์กันว่าเป็นอย่างไร การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่กำลังลดลงและควรจะลดลงอีก กลับทะยานเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 ที่มียอดเงินกู้ 250,000 ล้านบาท ปรากฏว่ามีการกู้เงินที่มียอดสูงขึ้นในช่วงเวลาอีก 4 ปี ต่อเนื่องก่อนการเลือกตั้ง (2559-2562) เป็น 390,000 ล้านบาท ; 552,921.7 ล้านบาท; 550,358 ล้านบาท และ 450,000 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นช่วงก่อนจะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 เสียอีก

“พอปี 2563 และ 2564 ก็ยิ่งกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณสูงเป็นประวัติการณ์ คือ 683,000 ล้านบาท และ 623,000 ล้านบาท และในสองปีนี้ยังออก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อภารกิจโรคระบาด อีกสองฉบับ ปี 2563 กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และในปี 2564 เมื่อไม่กี่วันก่อนก็กู้อีก 5 แสนล้านบาท และนี่ยังไม่รวมที่คุณประยุทธ์กำลังเสนอ พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ที่ต้องกู้ชดเชยขาดดุลอีก 7 แสนล้านบาท รวมเป็นยอดเงินกู้ถึง 5.699 ล้านล้านบาท หนี้ขนาดนี้ใช้นานเท่าไหร่จะหมด

“4.มาดูดอกเบี้ยจ่ายกันบ้างก็พอจะบอกได้ว่าหนี้ที่ท่านก่อไว้สร้างภาระแค่ไหน งบประมาณปี 2565 ที่กำลังอภิปรายกันอยู่ มียอดรวม 3.1 ล้านล้านบาทนี้ ต้องจัดเตรียมไว้จ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 182,988 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 67% เมื่อเทียบกับสมัยรัฐบาลดิฉัน ในปีงบประมาณ 2557 ก่อนรัฐประหาร งบจ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่เพียง 109,511 ล้านบาท ดอกเบี้ยสูงขึ้นมาก เพราะคุณประยุทธ์กู้เงินมากมาย

“5.รัฐบาลดิฉันวางระบบชำระคืนหนี้สาธารณะก้อนโตที่ทิ้งค้างไว้ตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ทำให้รัฐบาลคุณประยุทธ์นอกจากจะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแล้ว ยังลดยอดหนี้สาธารณะลงไปหลายแสนล้านบาทโดยท่านไม่ต้องทำอะไรเลย แทนที่จะชื่นชมรัฐบาลก่อน กลับเอาแต่โทษโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเพื่อเบี่ยงเบนความเสียหายที่ท่านก่อขึ้น

“วันนี้ดิฉันไม่ได้บริหารประเทศมา 7 ปีแล้ว คุณประยุทธ์หัดโทษตัวบ้างเถอะค่ะ อย่าโทษแต่ดิฉันเลย ดิฉันฟังมา 7 ปีแล้ว สุภาพบุรุษ ชายชาติทหารเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกค่ะ” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

ที่มา MATICHON