“ชวน” ให้กำลังใจ ตร.รัฐสภาทำหน้าที่ถูกต้องแล้ว กรีดยับผู้ติดตามนักการเมืองกร่าง ยกจุดอ่อนคนไทย คือวินัยเคารพกฎเกณฑ์ “ปู” เปิดหน้าฉะ “ตู่” กล่าวเท็จกลางสภา ย้อนแสบลูกผู้ชายชาติทหารเขาไม่ทำกัน พท.ดาหน้าจวกกลบเกลื่อน “รัฐบาลเวรี่กู้” เย้ย “ผนงรจตกม” ของจริง “โรม” ดักคอ ปชป.-ภท.อย่าเล่นปาหี่ “ชาดา” ตีหน้าซื่อเคลียร์กันจบแล้ว ภท.ไม่จบฉะรัฐราชการครอบงำงบฯ อ้อน “ลุงตู่” เรียกใช้งาน “เสี่ยหนู” บ้าง “บิ๊กตู่” ย้ำพรรคร่วมยังปึ้ก บอกให้เกียรติรองนายกฯทุกคน ลั่น “อำนาจมันอยู่ไม่นานหรอก” เมิน “ทักษิณ-ปู” โต้หนี้จำนำข้าว ชาวแท็กซี่รวมพลไล่ “ลุง” “จตุพร” นำทีมบี้ ป.ป.ช.ไขก๊อก “จัสติน” ได้ประกัน

จากกรณีกระทบกระทั่งระหว่างทีมตำรวจติดตาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจรัฐสภา ตามมาตรการป้องกันโควิด ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ออกมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ว่าปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องแล้ว พร้อมกรีดใส่นิ่มๆว่าจุดอ่อนคน ไทยคือการเคารพกฎเกณฑ์

“ชวน” ให้กำลังใจตำรวจรัฐสภา

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 2 มิ.ย.ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง ความขัดแย้งระหว่างตำรวจรัฐสภา และทีมตำรวจติดตาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่า ทราบเรื่องแล้ว และเชิญตำรวจรัฐสภามาพูดคุยเมื่อกลางดึกของวันที่ 1 มิ.ย. เขาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่ามีปัญหากับผู้ติดตามรัฐมนตรีมีสุภาพสตรีคนหนึ่งไม่มีบัตรจึงขอตรวจบัตร ส่วนผู้ติดตามอีก 2 คน ตำรวจรัฐสภาบอกให้ไปขึ้นอีกทางที่ไม่ใช่ทางที่ ส.ส.ขึ้น จึงเป็นที่มาของปัญหาที่เกิดจากการพูดเสียงดัง และมีผู้ใหญ่ในสภาฯแนะนำให้ไปขอโทษ ได้ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรสอบสวนข้อมูลไว้ ใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เขาจะได้มีกำลังใจทำงาน เดี๋ยวจะหวาดกลัวไม่กล้าปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรการที่เราขอความร่วมมือ แต่ภาพรวม ส.ส.และบุคคลทั่วไปที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ เกือบทุกคนให้ความร่วมมือดี กรณีนี้ตำรวจรัฐสภาทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ได้ให้กำลังใจและให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดต่อไป เพราะเป็นวิธีเดียวที่ป้องกันการแพร่เชื้อในสภาได้ หากติดเชื้อขึ้นมาจะทำให้ยุ่งยาก

กรีดใส่ผู้ติดตามนักการเมืองกร่าง

เมื่อถามว่ามีข่าวว่าให้ตำรวจรัฐสภาไปกราบขอโทษ นายชวนตอบว่า เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาแนะนำให้ไปขอโทษ ซึ่งเจ้าตัวเขาก็ไม่ได้สมัครใจ แต่ไม่อยากให้มีปัญหากับ ส.ส. แต่เท่าที่ฟังจากที่เขาเล่าตำรวจรัฐสภาไม่ได้ทำผิดอะไร แค่เสียงดังเหมือน ส.ส.บางคนที่เสียงดัง แต่ไม่ได้ดังแบบก้าวร้าว “ผมก็เตือนเสมอว่าอย่าไปกลัวผู้ติดตาม ตัวนักการเมืองเองถ้าทำอะไรบกพร่องก็กระทบต่อประชาชนในเขตเลือกตั้งของเขา แต่ว่าผู้ติดตามไม่ค่อยรู้เรื่อง บางทีไปทำอะไรที่เกินเลย มีการแสดงวาจา เช่น กรณีฉีดวัคซีนมีบางคนไปแสดงวาจาและมารยาทที่ไม่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาล ต้องยอมรับว่าเป็นจุดอ่อนของคนไทย คือเรื่องวินัยเคารพกฎเกณฑ์”

“ปู” ฉะ “ตู่” กล่าวเท็จกลางสภา

วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ที่พาดพิงปมจำนำข้าวระหว่างชี้แจงงบประมาณฯว่า “ฟังคุณประยุทธ์ชี้แจงว่า หนี้สาธารณะเพิ่มเพราะมีหนี้จำนำข้าว โดยอ้างว่าใช้หนี้ไปแล้ว 7.05 แสนล้านบาท เหลือภาระหนี้อีก 2.8 แสนล้านบาท ต้องใช้หนี้อีก 12 ปีถึงจะหมดนั้น ยืนยันว่าคุณประยุทธ์กล่าวเท็จในสภาฯ มียอดไม่ถึง 5 แสนล้านบาทแน่นอน และโครงการยังมีสต๊อกข้าวสารหลายแสนล้านบาท เสียดายที่ปล่อยปละให้มีการทุจริต นำข้าวดีๆไปขายในราคาต่ำกว่าราคาจริง ในช่วงที่เป็นรัฐบาลการกู้เงินชดเชยงบประมาณขาดดุลลดลงต่อเนื่องทั้ง 3 ปี จาก 4 แสนล้านบาท เป็น 3 แสนล้านบาท และ 2.5 แสนล้านบาท รวมยอดหนี้ฯ 3 ปี เท่ากับ 9.5 แสนล้านบาท”

ลูกผู้ชายชาติทหารเขาไม่ทำกัน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุด้วยว่า “มาดูฝีมือสร้างหนี้ของคุณประยุทธ์ การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่กำลังลดลง และควรจะลดลงอีก กลับทะยานเพิ่มขึ้น ทั้งหมดเป็นช่วงก่อนจะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 เสียอีก รัฐบาลดิฉันวางระบบชำระคืนหนี้สาธารณะก้อนโตที่ทิ้งค้างไว้ตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ทำให้รัฐบาลคุณประยุทธ์นอกจากจะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแล้ว ยังลดยอดหนี้สาธารณะลงไปหลายแสนล้านบาท โดยท่านไม่ต้องทำอะไรเลย แทนที่จะชื่นชมรัฐบาลก่อนกลับเอาแต่โทษโครงการรับจำนำข้าวเปลือก เพื่อเบี่ยงเบนความเสียหายที่ท่านก่อขึ้น วันนี้ดิฉันไม่ได้บริหารประเทศมา 7 ปีแล้ว คุณประยุทธ์หัดโทษตัวบ้างเถอะค่ะ อย่าโทษแต่ดิฉันเลย ดิฉันฟังมา 7 ปีแล้ว สุภาพบุรุษชายชาติทหารเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอก”

ซัดตัวเองก่อหนี้ดันโทษคนอื่น

นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายสาธารณะ ผลสำเร็จจากการดำเนินนโยบายดูได้จากการจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2555-2556 ที่รวมกันแล้วสูงกว่าประมาณการเกือบ 50,000 ล้านบาท ส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ณ สิ้นปี 2557 เท่ากับร้อยละ 42.51 ขณะที่การก่อหนี้กู้เงินเพื่อชดเชยงบประมาณปี 2555-2557 ลดลงตามลำดับ แสดงว่าเศรษฐกิจดีขึ้นหากไม่มีการยึดอำนาจงบประมาณน่าจะเข้าสู่สมดุล แต่เมื่อเกิดการยึดอำนาจปรากฏเศรษฐกิจดิ่งเหวมาตั้งแต่บัดนั้น ประเด็นคือพล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้หนี้โครงการรับจำนำข้าว 7.05 แสนล้านบาทจริงหรือไม่ จากตารางการชำระหนี้คืนต้นเงินกู้ พบว่ารัฐบาลประยุทธ์ชำระคืนต้นเงินกู้ในปี 2558-2565 รวม 652,194 ล้านบาท แต่ต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้เงินกู้ที่เกิดขึ้นและสะสมมาก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นรัฐบาล ตามหลักหนี้ที่เกิดก่อนต้องได้รับชำระก่อน โดยมีหนี้สาธารณะสิ้นสุดปี 2557 อยู่ที่ 5.69 ล้านล้านบาท ดังนั้นจากยอดตัวเลขที่ปรากฏจึงเป็นความเท็จทั้งข้อเท็จจริงทางบัญชีและตัวเลข

พท.จวกกลบเกลื่อนรัฐบาลเวรี่กู้

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การอภิปรายช่วงสองวันที่ผ่านมาภาพรวมถือว่าดี แต่สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดคือนายกฯใช้วิธีการไม่อธิบายให้กระจ่าง แต่กลับใช้วิธีโยนความผิดให้คนอื่น เช่น เรื่องจำนำข้าว สะท้อนว่าเป็นการรื้อฟื้นเรื่องคนอื่นมากลบเกลื่อนความผิดตัวเอง วันนี้จะสรุปการอภิปรายวันสุดท้าย จะอธิบายว่าสถานะโครงการรับจำนำข้าวจริงๆคืออะไร การชี้แจงของนายกฯลักษณะนี้ถือว่าไม่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ก่อให้เกิดความเชื่อมั่น ถามกลับว่าที่รัฐบาลนี้แจกเงินเยอะแยะ ทั้งไทยชนะ คนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้กำไรหรือขาดทุน เรื่องนี้เป็นนโยบายสาธารณะที่กระตุ้นเศรษฐกิจ ยืนยันรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์สร้างหนี้มากกว่าสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งนี้ คงต้องรอดูพรรคร่วม รัฐบาลว่าจะมีใคร โหวตไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ จะเลือกมารยาททางการเมือง หรือผลประโยชน์ การคุ้มครองชีวิตของประชาชน” นายสุทินกล่าว

“โรม” ดักคอ ปชป.-ภท.อย่าปาหี่

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในการอภิปรายงบประมาณฯฝ่ายค้านนำเสนอได้ว่างบประมาณที่ดีควรจะเป็นอย่างไร วันนี้เราเห็นปรากฏการณ์ที่พรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ออกมาวิพากษ์ วิจารณ์งบประมาณ แต่ถ้าอยากจะทำให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ดีแต่พูด ควรแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยจริงๆ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นเล่นปาหี่กดดันให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ที่ต้องการ สุดท้ายผลลัพธ์ที่แย่ๆตกอยู่ที่ประชาชน พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ต้องตอบคำถามประชาชน ว่าสิ่งที่อภิปรายในสภา คือปาหี่หรือความจริงใจ วันนี้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ มีสิ่งที่แตกต่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่ยังมี ส.ว.อยู่ในมือ เกิดอะไรขึ้นยังมีคนหนุนหลัง แต่พรรคภูมิใจไทยและพรรคประ-ชาธิปัตย์ถ้าปราศจากประชาชนสนับสนุน พวกท่านจะเป็นนักการเมืองหรือ ส.ส.ได้อีกนานแค่ไหน ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่เชื่อมั่นการบริหารงบประมาณภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อีกแล้ว

“ชาดา” หน้าซื่อเคลียร์กันจบแล้ว

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การชวนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กลับบ้านเราหากเขาไม่รักแล้วนั้น สิ่งที่อภิปรายในวันนั้น ไม่ได้มีผลต่อการลงมติรับหรือไม่รับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วาระแรก เพราะพรรคจะหารือเรื่องการลงมติอีกครั้งวันนี้ ยืนยันว่าเป็นคนละเรื่องกัน มีการพูดคุยทำความเข้าใจแล้วจบ ไม่มีปัญหา

“บิ๊กตู่” ย้ำพรรคร่วมยังแน่นแฟ้น

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า มั่นใจร่าง พ.ร.บ.งบฯจะผ่านวาระแรก ส่วนอภิปรายโจมตีงบฯของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ตนเฉยๆ เป็นธรรมดาเขาอยากได้พื้นที่เขา ใครจะได้ประโยชน์ก็เป็นเรื่องของการเมือง แต่ตนพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด จะมากน้อยต้องเป็นไปตามศักยภาพ เมื่อถามถึงความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลยังแน่นแฟ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ยังแน่นแฟ้นดี พูดคุยกันตลอดทั้งใน ครม.และนอก ครม. เขารับปากแล้ว “เป็นธรรมดาในสภาฯพอมีไมค์ก็องค์สิงกัน” ต้องอดทนรับฟัง แต่หลายเรื่องวิธีการคิดไม่ตรงกัน วิธีการบริหารก็อีกเรื่อง หลายคนพูดมาโดยไม่คำนึงถึงกติกากฎหมาย มันพูดได้หมดดูเหมือนดี แต่ต้องย้อนดูว่าทางกฎหมายทำได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าจะทำเพื่อให้ได้งบฯแต่ไม่วางอนาคตโครงสร้างพื้นฐาน

เมิน “ทักษิณ-ปู” โต้หนี้จำนำข้าว

เมื่อถามว่ามีอดีตนายกฯออกมาตอบโต้ประเด็นจำนำข้าว พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่พูดไม่อยากพูด ชี้แจงไปแล้ว ไม่อยากจะไปทำร้ายใครอยู่แล้ว แต่การปล่อยให้คนมาทำร้ายมันไม่ถูกต้อง เมื่อถามถึงข้อเสนอแก้ปัญหาโควิดของนายทักษิณ ชินวัตร พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบพร้อมกล่าวว่า “ทำไมผมต้องไปตอบเขาด้วย ก็ให้เขากลับมาทำ” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์ด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย พร้อมชี้นิ้วไปยังผู้สื่อข่าวที่ตั้งคำถามว่า “เธอพูดถึงเรื่องนี้บ่อย ฉันได้ข่าวว่าเธอติดต่อกับเขาด้วย”

“จุรินทร์” ยักท่าเสถียรภาพรัฐบาล

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ประชุม ส.ส.พรรคมีมติให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2565 วาระแรก ดังนั้นการโหวตต้องเป็นไปตามมติพรรค เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาถามว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลพอแล้วหรือยัง นายจุรินทร์ตอบว่า เป็นความเห็นของคู่ขัดแย้งเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามว่าเหมือนพรรคร่วมรัฐบาลโดดเดี่ยวพรรคพลังประชารัฐ นายจุรินทร์ตอบว่า เราเป็นแค่หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล พรรคที่เป็นแกนนำต้องบริหารจัดการเสถียรภาพให้เกิดขึ้น เสถียรภาพรัฐบาลเป็นอย่างไรต้องไปถามพรรคแกนนำ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรเป็นอีกเรื่องขึ้นอยู่กับประชาชน เมื่อถามว่าในที่ประชุม ครม.ดูเหมือนนายกฯไม่พอใจหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่ปล่อยให้ลูกพรรคออกมาถล่มงบฯปี 65 นายจุรินทร์ตอบว่า ต้องถามนายกฯ และนายกฯไม่ได้กำชับตนให้ดูแลลูกพรรค

“พนิต” โหวตรับไปว่ากันต่อชั้น กมธ.

นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า หยุดเล่นเกม การเมือง! งบประมาณ 65 คือความปลอดภัยและปากท้องประชาชน อยากขอให้เพื่อน ส.ส.ทุกคนโหวตรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 65 และเข้าไปตรวจสอบกันในชั้นกรรมาธิการ พ.ร.บ.งบฯปี 65 คือความหวังของประชาชน คือทางออกของโควิด คือเศรษฐกิจที่ประชาชนคาดหวัง คือปากท้องที่ประชาชนจะลืมตาอ้าปาก ยืนยันจะโหวตรับหลักการและจะไปตรวจสอบในขั้นกรรมาธิการ หยุดเล่นเกมการเมือง

พท.เย้ย “ผนงรจตกม” ของจริง

จากนั้นเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ต่อเป็นวันที่สาม นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฉบับนี้ขาดความจริงใจ ประชาชนกังวลเรื่องวัคซีน แต่รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องอาวุธมากกว่า ขณะที่เอสเอ็มอีตายสนิท เพราะรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญเหมือนงบกระทรวงกลาโหม เงินจะมากหรือน้อยไม่สำคัญเท่าภาวะความเป็นผู้นำ สงกรานต์ปีนี้ตกลงกันไว้แล้วจะล็อกดาวน์ แต่พอมีนักธุรกิจไปให้ข้อมูลเยอะจะทำให้เศรษฐกิจเสียหายมหาศาล นายกฯหูเบาเชื่อ มีผู้ติดเชื้อเป็นแสนคน ตามมา การตัดสินใจที่ผิดของผู้นำทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ทุกอย่างที่ล้มเหลวเพราะผู้นำเอาแต่ใจ คำว่า “ผนงรจตกม” ถึงวันนี้ขำไม่ออกเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะความดื้อรั้นไม่รับผิดชอบ ใจแคบ วันนี้นายกฯไม่แคร์อะไรบริหารไม่มีฝ่ายการเมืองใช้ทหารบริหาร

จี้หยุดขี้เหนียวกับประชาชน

นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า วันนี้ประชาชนตั้งคำถามทำไมรัฐบาลนำงบประมาณไปจัดหาวัคซีนที่แย่และแพงที่สุด โดยไม่รู้ว่ายังมีวัคซีนเพียงพอหรือไม่ เพราะนำงบประมาณไปเน้นที่กองทัพจัดซื้ออาวุธไทยมีจำนวนกองรถถัง กองเรือ และกองบิน เหนือกว่าทุกประเทศที่มีพรมแดนติดกัน ทั้งพม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย สมรรถนะการรบของไทยอยู่อันดับที่ 26 ของโลก พม่าอยู่ลำดับที่ 38 กัมพูชาลำดับที่ 94 ลาวลำดับที่ 118 และมาเลเซียลำดับที่ 44 จะไปจัดซื้ออาวุธเพิ่มทำไมให้มากมาย พล.อ.ประยุทธ์จะไปดูแลหรือเดือดร้อนแทนกองทัพอย่างเดียวไม่ได้ ขอให้หยุดขี้เหนียวกับประชาชน หยุดซื้อเรือดำน้ำไว้ก่อน เพื่อมาดูแลความเป็นอยู่ประชาชน ถ้ายังปล่อยรัฐบาลจัดทำงบฯแบบนี้ต่อไป คงได้เปลี่ยนเงินสดเป็นแบงก์กงเต๊ก

ภท.ฉะรัฐราชการครอบงำงบฯ

ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ขอสรุปจุดยืนพรรคภูมิใจไทยต่อร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 ว่า เข้าทำนองคนทำไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ทำ โดยเฉพาะการซื้อวัคซีนที่ถูกตัดออกจากงบสาธารณสุขไปอยู่ในงบอื่น สำนักงบประมาณดำเนินการโดยไม่เข้าใจถึงความต้องการประชาชน พรรคภูมิใจไทยรู้สึกผิดหวัง ไม่อยากพูดว่าสำนักงบฯใจดำกับประชาชน และคนทำงานอยู่ในห้องแอร์บนหอคอยงาช้าง ไม่รู้ว่าเจตนาหรือไม่ แม้นายกฯจะบอกให้สบายใจว่ายังมีงบกลาง พ.ร.ก.กู้เงิน แต่ฝากนายกฯว่าเรายังติดใจ อาจจะใช่ที่เรายังน้อยใจอยู่ อยากให้นายกฯนำข้อเสนอพรรคไปพิจารณาต่อ หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 เข้าใจว่าผู้นำรัฐประหารต้องการแก้ปัญหาบ้านเมือง จึงเป็นรูปแบบรัฐราชการ ใช้ข้าราชการบริหารช่วง 5 ปี แต่สถานะนายกฯวันนี้มาจากการเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล การอยู่ร่วมกันต้องอยู่กันอย่างเข้าใจ ให้เกียรติกันในการทำงาน แต่การจัดงบฯยังมีแนวคิดจากฝ่ายข้าราชการประจำพยายามครอบงำแทรกแซงฝ่ายบริหาร ไม่เชื่อว่านายกฯจะรู้เรื่องนี้ สำนักงบประมาณยังทรงอิทธิพล กระทำการอย่างแยบยล จนกระบวนการทำงานเสียหาย

อ้อนให้เรียกใช้งาน “เสี่ยหนู” บ้าง

นายศุภชัยกล่าวต่อว่า หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและพรรคเรา ตั้งใจทุ่มเททำงานเต็มที่ แต่พอมี ศบค.ขึ้นมา เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้จัดการทั้งหมด ไม่คิดหรือว่าพรรคภูมิใจไทยรู้สึกอย่างไร แม้จะไม่พูดแต่เราคิด จึงมีเสียงสะท้อนว่ากลับบ้านเถอะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯคือลูกน้องนายกฯ ขอให้ใช้งานนายอนุทินพร้อมทำสนอง แต่ทำไมไม่ใช้งาน พรรคภูมิใจไทยยืนยันยินดีสนับสนุนรัฐบาลต่อไป ตราบเท่าที่ทำงานด้วยการให้เกียรติกัน ไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่ต้องปรับแนวคิดใหม่ เราเป็นผู้แทนปวงชน แต่ท่านไม่ให้เกียรติพรรคเรา

บอกให้เกียรติรองนายกฯทุกคน

กระทั่งเวลา 15.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ชี้แจงว่า ยืนยันให้เกียรติรองนายกฯทุกคน รัฐมนตรีทุกพรรคด้วย โดยเฉพาะรัฐมนตรีด้านสาธารณสุขคุยกันบ่อยมาก ให้เกียรติซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ที่ต้องไปรวบอำนาจมาเนื่องจากกฎหมาย อาทิ พ.ร.บ.โรคติดต่อให้กรอบอำนาจเฉพาะในส่วนของ สธ. ไม่สามารถไปสั่งการหน่วยงานอื่นได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆจะสั่งโน่นสั่งนี่ ที่บอกว่าไม่ให้เกียรติตนคิดคนละทาง สมมติตนตั้งเลขา สมช. มาเป็น ผอ.ศบค. แล้วให้รองนายกฯไปนั่งข้างๆ ค่อยมาว่ากัน ถ้าไม่เข้าใจไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้ว “ผมถามรองนายกฯตลอดว่าจะเอาคืนไปหรือยัง ท่านบอกว่า สธ.ทำไม่ไหวครับ เพราะสั่งใครไม่ได้ สั่งได้แต่ข้าราชการ สธ. ผมอยากจะคืนท่านไปตั้งนานแล้ว แต่ท่านบอกเอาไว้ก่อน นี่คือข้อเท็จจริง”

ลั่น “อำนาจมันอยู่ไม่นานหรอก”

“อำนาจมันอยู่ไม่นานหรอกครับ หลายคนต้องการอำนาจ ผมไม่ต้องการอำนาจ ผมต้องการความร่วมมือร่วมใจ ถ้าไม่มีใครมาว่าบิดเบือนรัฐบาล ผมไม่เคยไปตอบโต้ แต่ถ้าท่านโจมตีเสียหายผมก็จำเป็น ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ วัคซีนที่ฉีดทุกวันนี้ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ วัคซีนของใครก็รัฐบาลทั้งนั้น ผมไม่ได้หวงอำนาจเพื่อสร้างความรักความชอบ ผมขออย่างเดียวอย่าสร้างความเกลียดชังกันให้มากนัก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

แท็กซี่ไล่ “ลุง” ลาออก-ยุบสภาฯ

ช่วงเช้าที่บริเวณด้านหน้าทางเข้ารัฐสภา กลุ่มสมาพันธ์แรงงานแท็กซี่ไทย นัดรวมตัว โดยมีนายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ เป็นแกนนำ นำผู้ขับรถแท็กซี่เขียว-เหลือง จอดขวางช่องทางจราจร 1 ช่อง เป็นแถวยาวร่วม 50 คัน จนจราจรติดขัดวิ่งได้เพียงช่องทางเดียว ก่อนร่วมลงชื่อคัดค้านที่จะให้รถป้ายดำ หรือรถนั่งส่วนบุคคลเป็นรถโดยสารสาธารณะ เพราะเอาเปรียบผู้ขับรถแท็กซี่ นายวรพลยังเรียกร้องให้แท็กซี่มารวมตัวกันที่ด้านหน้ารัฐสภา เพื่อปิดล้อมกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก หรือประกาศยุบสภา

“จตุพร” นำทีมบี้ ป.ป.ช.ไขก๊อก

ช่วงบ่ายที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ยื่นหนังสือถึงประธาน ป.ป.ช. เรียกร้องให้กรรมการ ป.ป.ช.ลาออก แสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง กดดัน พล.อ.ประยุทธ์ลาออก นายจตุพรกล่าวว่า ที่ผ่านมาผลงาน ป.ป.ช.คอยเป็นทนายแก้ต่างคดีให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไม่ได้มุ่งรับใช้ชาติและประชาชนปราบทุจริตอย่างตรงไปตรงมา ขอให้ลาออกเพื่อรีเซ็ตประเทศ ให้มี ป.ป.ช.ชุดใหม่มืออาชีพ ซื่อสัตย์ เข้ามาทำหน้าที่ เนื่องจากสถานการณ์ประเทศมาถึงจุดต่ำสุดทุกด้าน ป.ป.ช.เป็นองค์กรหนึ่งที่ต้องรีเซ็ตเพราะมีรากเหง้าจากการยึดอำนาจ

“จัสติน” ได้ประกันพ้นนอนคุก

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ กรณีนายชูเกียรติ หรือจัสติน แสงวงค์ ผู้ต้องหาตาม ป.อาญา มาตรา 112 ที่ยังถูกคุมขังเนื่องจากมีคดีติดตัวอยู่ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ 1 สำนวน และศาลอาญาธนบุรีอีก 1 สำนวน พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 2 แสนบาท มีเงื่อนไขห้ามกระทำหรือเข้าร่วมกิจกรรมที่เสื่อมเสียต่อสถาบันหรือกระทำลักษณะเดียวกับข้อหาที่ถูกฟ้องร้อง ไม่เข้าร่วมการชุมนุมก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร และมาศาลตามนัดโดยเคร่งครัด หากผิดสัญญาให้ปรับ 2 แสนบาท ส่วนนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง หลังศาลอาญาสั่งปล่อยตัวชั่วคราว ได้เดินทางออกจาก รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติกลับบ้านไปในช่วงดึกของวันที่ 1 มิ.ย.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดีอีเอสชูคำสั่งศาลปิด 8 เพจ

อีกเรื่อง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ได้เชิญผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ไอเอสพี) มารับทราบคำสั่งศาลสั่งปิดบัญชีผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวน 8 บัญชี ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ได้แก่ 1.Pavin Chachavalpongpun 2.Andrew MacGregor Marshall 3.รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง 4.Suda Rangkupan 5.ป้าหนิง DK 6.Aum Neko 7.KTUK-คนไทยยูเค และ 8.Pixel HELPER โดย 8 บัญชีนี้เป็นเพจที่เผยแพร่เฟกนิวส์กระทบความมั่นคงและสถาบัน ภายใต้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ที่มา:thairath