ทนายความอาสายื่นมือช่วยหนุ่มวัย 23 ปี เหยื่อน้องสาววัย 14 ปีร่วมกับแฟนหนุ่มวัย 16 ปี วางแผนฆ่าแม่ตัวเองตาย และพยายามฆ่าพี่ชายตัวเองจนบาดเจ็บ เพื่อดูข้อกฎหมายในการเอาผิดผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 เม.ย. 2565 ที่ สภ.บางพลี ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความอาสา พร้อมด้วย นายเอ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ชาวบ้าน หมู่ที่ 3 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พี่ชายเด็กสาววัย 14 ปีร่วมกับแฟนหนุ่มวัย 16 ปีวางแผนฆ่ามารดาเพราะโดนกีดกัน และพยายามฆ่าตัวเองจนบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ เดินทางเข้าพบกับ พ.ต.ต.อุทิศ พาราษฎร สว.(สอบสวน) สภ.บางพลี เพื่อทวงถามความคืบหน้าทางคดี และขอแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับหนุ่มอายุ 16 ปี ในข้อหาพรากผู้เยาว์ และผู้เกี่ยวข้อง ในฐานความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง

ดร.เกรียงศักดิ์ เปิดเผยว่า สำหรับคดีดังกล่าวที่ตนเองตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนั้น เพราะเห็นว่าเหยื่อทางคดี โดยเฉพาะนายเอที่เหลือเพียงตัวคนเดียวในปัจจุบัน และขาดที่ปรึกษาทางกฎหมาย ตนเองจึงอาสาเข้ามาช่วยเหลือทางคดี และจะดูเรื่องของข้อกฎหมายที่จะดำเนินคดีกับฝ่ายเยาวชนชายที่ร่วมกันวางแผนลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เนื่องจากทางด้านนายเอเองมีความกังวลว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้จะได้รับโทษเพียงไม่กี่ปี เนื่องจากด้วยความเป็นเยาวชน ซึ่งในทางกฎหมายตนเองจะเป็นตัวแทนโจทก์ ร่วมกับทางอัยการในการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายในฐานะความผิดที่ชัดเจน คือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นอกจากนั้นยังต้องมาดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าจะสามารถดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มในข้อหาพรากผู้เยาว์กับเยาวชนชายได้หรือไม่ และผู้ปกครองว่าให้การสนับสนุนในการพรากผู้เยาว์ต่อคดีนี้ด้วยหรือไม่

ทนายความอาสา กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทางด้านผู้ปกครองจะออกมาปฏิเสธ โดยกล่าวอ้างว่าฝ่ายหญิงระบุว่าผู้ปกครองยินยอมและทราบเรื่องแล้ว และอนุญาตให้มาหาที่บ้าน ซึ่งในความเป็นจริงนั้นโดยหลักของกฎหมายผู้ปกครองฝ่ายชายทราบดีอยู่แล้วว่าเยาวชนหญิงซึ่งมีอายุเพียง 14 ปี ไม่สมควรมาอยู่กับบุตรชายที่บ้านพัก จนกระทั่งพี่ชายและมารดาทราบเรื่องจึงไปติดตามมารับตัวเยาวชนหญิงกลับมา อีกทั้งยังมีการตกลงกับผู้ปกครองฝ่ายชายก่อนหน้าจะเกิดเหตุแล้วว่า จะไม่ให้มีการติดต่อกันอีกระหว่างเยาวชนทั้งสอง แต่กลับพบว่าผู้ปกครองฝ่ายชายเป็นคนมาส่งบุตรชายด้วยตนเองในวันเกิดเหตุ ซึ่งตรงนี้จะต้องไปดูข้อกฎหมายว่ามีส่วนใดที่เกี่ยวข้องทางคดี และสามารถดำเนินการตามกฎหมายในฐานละเมิดได้หรือไม่ ซึ่งคดีนี้ต้องดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อเยาวชนในอนาคตที่จะเห็นได้ว่าการลงมือก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้จะมีโทษหนัก

ขณะที่ นายเอ บุตรชายผู้ตาย เปิดใจหลังจากจัดงานพิธีศพของมารดาเป็นที่เรียบร้อยว่า ในส่วนของสภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ส่วนบาดแผลพบว่าดีขึ้นตามลำดับ เหลือเพียงรอวันหมอนัดตัดไหมเท่านั้น หลังจากที่เสร็จงานศพแม่ ตนเองก็กลับมาพักที่ห้องพักตามเดิม และยืนยันจะอยู่ที่นี่ต่อไป ทำงานที่เดิมเป็น รปภ. ส่วนทางคดีต้องขอบคุณทางทนายความที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตนเองในครั้งนี้ และยืนยันจะเดินหน้าทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด เมื่อถามว่าไปเยี่ยมน้องสาวมาบ้างหรือไม่ เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้ไป เมื่อถามว่ายังคงจะให้อภัยน้องสาวหรือไม่เจ้าตัวตอบว่ายังทำใจไม่ได้ และยอมรับว่ายังมีภาพคืนวันเกิดเหตุหลอนเข้ามาเป็นระยะๆ. 

ที่มา thairath