แซน วิศาพัช” ควงทนายความขึ้นโรงพักแจ้งความ “จิน” สามีหนิง ข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงร้องค่าเสียหาย 7 ถึง 8 หลัก เนื่องจากโดนทัวร์มาลง

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 พ.ค.65 นายวิศาพัช หรือ เเซน มโนมัยรัตน์ อายุ 35 ปี 1 ในผู้ต้องหาคดีการตายของแตงโม พร้อมด้วย นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความ หอบหลักฐานเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พิทักษ์ หอมทอง สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม เพื่อแจ้งความ ดำเนินคดีกับ นายจรินทร์ หรือ จิน ธรรมวัฒนะ สามี หนิงปณิตา ธรรมวัฒนะ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หลังพบว่าคู่กรณีมีการ Comment ข้อความใน instagram ของภรรยา ในลักษณะที่ทำให้ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง

นายวิศาพัช กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาพร้อมกับทนายความเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับคู่กรณี ในเรื่องของข้อความดังกล่าว ที่ปรากฏอยู่ใน instagram สำหรับกรณีนี้ถือเป็นเคสแรกที่ตนตัดสินใจดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี ส่วนเคสอื่นๆ จะยื่นฟ้องต่อศาลเอง ซึ่งตนขอยืนยันจะดำเนินคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาอย่างถึงที่สุด โดยเรียกร้องค่าเสียหายเป็นตัวเลข 7 ถึง 8 หลัก เนื่องจากทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง มีทัวร์มาลงด่าพ่อล่อแม่ตนเป็นจำนวนมาก คู่กรณีเป็นคนของประชาชนไม่น่าทำแบบนี้ ทั้งที่ตนและคู่กรณีก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว

นายวิศาพัช กล่าวอีกว่า ในส่วนของคุณหนิงกำลังพิจารณาว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของตนตรงจุดไหนบ้าง ถามว่าตอนนี้ทัวร์ลงตัวรู้สึกอย่างไร ก็ขอตอบว่ารู้สึกสนุกดี ส่วนกรณีของกระติกซึ่งถูกหมิ่นประมาทในข้อความเดียวกัน เนื่องจากนั่งอยู่ด้วยกันบนรถเพียงสองคนนั้น เชื่อว่ากระติกก็ไม่น่าจะยอม ขณะนี้คงคุยกับทนายความในส่วนของการแจ้งความเรียกร้องค่าเสียหายด้วยเช่นกัน ความยุติธรรมมีไว้สำหรับทุกคน สำหรับคดีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ตนก็ยังยืนยันจะให้การเหมือนเดิมทุกประการ

ด้าน นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความ กล่าวว่า ในส่วนของหลักฐานที่เตรียมมามอบให้พนักงานสอบสวนในวันนี้ ได้รวบรวมมาเพื่อแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หลังจากที่คู่กรณีได้ทำการ Comment ใต้โพสต์ของภรรยา ระบุเอาไว้ว่ามีใครทำอะไรนั่งอยู่ในรถตู้ 2 คน โดยหลังจากนี้ หากจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา กับผู้ที่หมิ่นประมาทอีก ก็อาจมีทั้งการยื่นฟ้องต่อศาลเอง และการรวบรวมพยานหลักฐาน เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เนื่องจากมองว่าเรื่องไหนดำเนินการเองได้ก็จะทำกันเอง

ขณะที่ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการรับแจ้งความเอาไว้ ก่อนนำพยานหลักฐานทั้งหมดเสนอต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

ที่มา thairath