พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ลานอนุสาวรีย์พระเจ้าตาก ย้ำ ชอบทำ แต่ไม่ชอบพูด! ร่ายยาว ผลงานที่ทำมา และจะทำงานสานต่อไป หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. 

วันที่ 2 พ.ค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 6 ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ครั้งที่ 3 บริเวณลานอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ พร้อมผู้สมัคร ส.ก. กลุ่มรักษ์กรุงเทพ โซนกรุงธนเหนือ แต่ละเขตผลัดกันขึ้นเวทีพูดคุยกับที่น้องประชาชน ทั้ง

– เขตจอมทอง เบอร์ 1 ร.ต.อ.จักรกฤช ปิ่นกร
– เขตบางกอกน้อย เบอร์ 5 ร.ท.จักรพงษ์ วุฑฒยากร
– เขตตลิ่งชัน เบอร์ 4 นายชัชชนะ เอมปราณีต (ผู้ใหญ่หนุ่ม)
– เขตธนบุรี เบอร์ 3 นายธนกร ธรรมวรัญจน์ (สข.เป็ด)
– เขตคลองสาน เบอร์ 3 นายธวัช ศรีวัฒนะ
– เขตบางพลัด เบอร์ 2 นายพงษ์ศกร ฟุ้งเฟื่อง (อ๊อฟ)
– เขตบางกอกใหญ่ เบอร์ 7 พ.ต.ท.วิศิษฐ์ สุวรรณ์
– เขตทวีวัฒนา เบอร์ 1 นายยงวุฒิ ทองอยู่

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ เบอร์ 6 ได้ขอบคุณพี่น้องประชาชน เขตกรุงธนเหนือ ที่มาร่วมฟังการปราศรัยในวันนี้ โดยกล่าวบนเวทีปราศรัยว่า…”กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองแห่งความหวังและโอกาส ที่หลายคนอยากเข้ามาศึกษา ทำงาน ใช้ชีวิต รวมทั้งสร้างครอบครัว ซึ่งทุกคนล้วนคาดหวังที่จะได้รับความปลอดภัย มีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ด้วยความซับซ้อนของเมืองทำให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย การบริหารงานของกรุงเทพฯ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับคนที่เป็นผู้ว่าฯ การบริหารงานของกรุงเทพฯ เป็นการบ้านไม่ใช่การเมือง แต่เป็นเรื่องที่ผู้ว่าฯ จะต้องเก็บเอาปัญหาของพี่น้องประชาชนไปคิด และหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้ได้ ที่สำคัญผู้ว่าฯ กทม. ต้องมีทีมงาน ส.ก. เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาครับ เพราะ ส.ก. เปรียบเสมือนทีมงานที่คอยขับเคลื่อนการทำงาน อยู่ในสภา กทม. ให้แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น เลือก “อัศวิน” เบอร์ 6 แล้ว อย่าลืมเลือก ส.ก.กลุ่มรักษ์กรุงเทพ ด้วย

และ พล.ต.อ.อัศวิน ได้พูดถึงเรื่องที่มีคนถามว่า อยู่มา 5 ปี ทำะไรบ้าง? ไม่เห็นทำอะไรเลย? โดยกล่าวว่า…เป็นเรื่องที่ตอบยาก เพราะตนทำมาเยอะมาก ที่ไม่ได้พูด ไม่ได้แปลว่าตนไม่ได้ทำ…กรุงเทพมหานคร หยุดชะงักมานาน ด้วยปัญหาโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ และถึงเวลาแล้วที่กรุงเทพฯ ต้องไปต่อ ให้พี่น้องประชาชนทำมาหากินได้เหมือนเดิม สำหรับพ่อค้าแม่ค้า ที่ขายของตามท้องถนนแล้วไม่มีที่ขายของเป็นหลักแหล่ง มีนโยบายที่ตนอยากผลักดัน คือ

1. การประสานงานทุกภาคส่วน ผลักดันเพิ่มจุดผ่อนผัน เพื่อให้มีที่ทำมาค้าขายมากขึ้นกว่าเดิม โดยให้คณะกรรมการชุมชนมาร่วมออกแบบ แต่จะต้องเกิดความสมดุลระหว่างคนเดินเท้าและพ่อค้าแม่ขาย

2. ผลักดันเงินกู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพ ที่เดิมมีวงเงินอยู่ประมาณ 1 แสนบาท แต่พี่น้องประชาชนยังเข้าไม่ถึง เพราะเงื่อนไขเยอะ ดังนั้น หากได้กลับมาจะเสนอ สภา กทม.แก้ไขข้อบัญญัติต่างๆ ให้ง่ายขึ้น เพื่อลดเงื่อนไขและเพิ่มวงเงินมากขึ้น

3. กระตุ้นการท่องเที่ยวให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวกลับมา เพราะก่อนเกิดโควิด กรุงเทพฯ มีรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากกว่า 24 ล้านคน ดังนั้นจึงต้องกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับคืนมา โดยจะผลักดันทำตลาดและถนนคนเดินทั่วทุกเขต เพื่อให้มีเงินเข้ากระเป๋าพี่น้องประชาชนเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญงบประมาณต่างๆ ที่มีอยู่ตามเขตในแต่ละปี พี่น้องประชาชนกรุงเทพฯ จะต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจใช้เงินทุกบาททุกสตางค์

นอกจากนี้ยังได้พูดถึงปัญหาน้ำท่วม ที่ได้แก้ไขไปแล้ว จนเหลือจุดเสี่ยงน้ำท่วมแค่ 9 จุด ซึ่งจะต้องมาทำต่อให้จบ

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายที่อยากจะผลักดัน ให้มีโรงพยาบาล 4 มุมเมือง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ศูนย์สาธารณสุข จะผลักดันให้เป็นโรงพยาบาลประจำเขต ที่มีเครื่องฟอกไต เครื่องให้ออกซิเจน เครื่องเอกซเรย์
และยังมีอีกหลายอย่าง ที่ต้องทำต่อให้กับพี่น้องประชาชน

…และขอให้เลือก อัศวิน เพื่อเป็นผู้ว่าฯ ที่ทำจริง เป็นนักปฏิบัติ เป็นนักประสาน และเปิดกว้าง ที่สำคัญ เลือกอัศวิน ทำต่อได้ในทันที ไม่ต้องเสียเวลามานับหนึ่งใหม่ เพราะเลือกคนอื่น ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาศึกษางานนานเท่าไร กว่าที่นโยบายเขาจะเอามาทำได้ และจะทำหรือเปล่าไม่รู้ …แต่ อัศวิน ทำจริง และทำต่อได้ทันที และเชิญชวน 22 พฤษภาคมนี้ ให้กาบัตรสีน้ำตาล เลือก ผู้ว่าฯ เบอร์ 6

…และขอให้เลือก อัศวิน เพื่อเป็นผู้ว่าฯ ที่ทำจริง เป็นนักปฏิบัติ เป็นนักประสาน และเปิดกว้าง ที่สำคัญ เลือกอัศวิน ทำต่อได้ในทันที ไม่ต้องเสียเวลามานับหนึ่งใหม่ เพราะเลือกคนอื่น ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาศึกษางานนานเท่าไร กว่าที่นโยบายเขาจะเอามาทำได้ และจะทำหรือเปล่าไม่รู้ …แต่ อัศวิน ทำจริง และทำต่อได้ทันที และเชิญชวน 22 พฤษภาคมนี้ ให้กาบัตรสีน้ำตาล เลือก ผู้ว่าฯ เบอร์ 6

…กรณีเรื่องป้ายหาเสียงที่ถูกทำลายได้ลงไปดูด้วยหรือไม่ ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวว่า “เรื่องป้ายหาเสียงที่มีการถูกทำลาย ผู้สมัคร ส.ก.ได้ลงไปดูตลอด ป้ายไหนที่มีปัญหาก็เปลี่ยน เข้าใจว่าบางที อาจเกิดมาจากลมแรง หรือบางคนก็อาจไม่มีเจตนาที่จะทำให้เสียหาย เราก็แก้ไข อันไหนขาด ก็เปลี่ยนเอาอันใหม่มาแทนไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้มองว่า เป็นเกมการเมือง ไม่มีอะไร อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ตนเป็นคนคิดในแง่บวกเสมอ ไม่คิดในแง่ลบ”

ที่มา thairath