“ฟลุ๊ค เดอะสตาร์” ป้องเพื่อไทย ปม “ก้าวไม่พ้นชินวัตร” อัด “อภิสิทธิ์” พูดเอาดีเข้าตัว ชี้ บอยคอต เลือกตั้ง 2 ครั้ง ทำให้เกิดรัฐประหาร ซัด ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร แต่บริหารล้มเหลวแพ้เลือกตั้งซ้ำซาก
วันที่ 3 พ.ค. 65 นายพชร ธรรมมล หรือ ฟลุ๊ค เดอะสตาร์ ว่าที่ผู้สมัคร กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาวิจารณ์พรรคเพื่อไทยว่า ก้าวไม่พ้นตระกูลชินวัตร และ ห่วงว่าจะเกิดการปฏิวัติอีกนั้น อยากให้นายอภิสิทธิ์ได้พิจารณาตัวเองอย่าได้ทำตัวเป็น “มาร์ค เดอะสะตอ” พูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น แม้ว่าจุดประสงค์ของนายอภิสิทธิ์ อาจจะต้องการกลับไปนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่กำลังตกต่ำสุดขีดจากข่าวอื้อฉาวของอดีตรองหัวหน้าพรรคและอดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ปรากฏในสื่อตลอดเดือนที่ผ่านมา ที่สั่นสะเทือนโยงไปถึงหัวหน้าพรรคที่ได้ชักชวนนำเข้ามาในพรรคที่ควรจะต้องร่วมกันรับผิดชอบ
ดังนั้นจึงอยากเตือนสติให้นายอภิสิทธิ์ได้ระลึกถึงปัญหาที่นายอภิสิทธิ์ได้ก่อกรรมทำเข็ญสร้างความฉิบหายให้กับประเทศนี้อย่างใหญ่หลวง จากการบอยคอตการเลือกตั้ง 2 ครั้ง และทั้งสองครั้งนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารทั้ง 2 ครั้ง เหมือนตั้งใจเตี๊ยมกันเพื่อนำไปสู่การปฏิวัติ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ประเทศไทย ต้องเสื่อมถอยตลอด 10 กว่าปีนี้ อีกทั้งการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารที่นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ชนะการเลือกตั้ง และไม่เคยชนะการเลือกตั้ง แต่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะใช้กลวิธีร่วมกันในการยุบพรรคพลังประชาชน ดึงคนออกจากพรรคพลังประชาชน แล้วบีบให้ไปจัดตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร
แต่ต่อมาก็บริหารประเทศล้มเหลว มีข้อหาการทุจริตคอร์รัปชันกันอย่างมาก โดยเฉพาะโครงการไทยเข้มแข็ง 4 แสนล้านบาท ที่คนจำกันไม่ได้เลยว่านำไปใช้อะไรบ้าง มีแต่เรื่องทุจริต เช่น ทุจริตโรงพัก 396 แห่งที่ศาลได้ตัดสินว่าผิดแล้ว อีกทั้งยังมีคนเสื้อแดงตายและเจ็บจำนวนมากในช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และเมื่อมีการเลือกตั้งอีกครั้งก็แพ้พรรคเพื่อไทยอย่างหลุดลุ่ย และไม่มีทางชนะการเลือกตั้งได้ เลยต้องออกมาเดินขบวนเป่านกหวีดซึ่งนายอภิสิทธิ์ก็ได้ร่วมเดินขบวนเป่านกหวีดด้วย อีกทั้งไม่ยอมส่งคนลงเลือกตั้งเพราะรู้ว่าลงเลือกตั้งก็แพ้ จนเป็นสาเหตุของการปฏิวัติอีกครั้งหนึ่ง และ 5 ปีต่อมาพอมีเลือกตั้งก็ถูกประชาชนลงโทษ จึงแพ้การเลือกตั้งแบบหมดรูปจนต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคและ ตำแหน่ง ส.ส. และที่พ่ายแพ้ก็เพราะแพ้ตระกูลชินวัตร เลยผูกใจเจ็บมาตลอดใช่หรือไม่ อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์เองก็ยังก้าวไม่พ้นนายชวน มีดโกนหมดอายุ เลยใช่หรือไม่ ทั้งที่แพ้ซ้ำซาก
ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะได้บริหารประเทศ ซึ่งถ้าหากประชาชนจะเลือกคนตระกูลชินวัตร เพราะบริหารประเทศแล้วประเทศมั่งคั่ง ประชาชนมีความสุข มีเงินใช้คล่องมือ มีความเป็นอยู่ที่ดี มีรายได้สูงพอที่เลี้ยงดูครอบครัวได้ ไม่ลำบากเหมือนสมัยพรรคประชาธิปัตย์บริหาร หรือในสมัยเผด็จการและต่อด้วยเผด็จการสืบทอดอำนาจที่บริหารล้มเหลว ก็เป็นสิทธิของประชาชนที่จะตัดสิน การขู่เรื่องจะเกิดการปฏิวัติจึงไม่ใช่นิสัยและจริยธรรมของคนในระบอบประชาธิปไตย และน่าจะเป็นความกลัวที่จะแพ้การเลือกตั้งจนอุจจาระขึ้นสมองใช่หรือไม่
“ดังนั้น ทางที่ดีนายอภิสิทธิ์ หรือ มาร์ค เดอะสะตอ ควรจะต้องหุบปาก เพราะเมื่อเผลอพูดออกมา ก็จะถูกรื้อฟื้นให้ประชาชนจำได้ว่าสาเหตุของการปฏิวัตินั้นส่วนหนึ่งมาจากการบอยคอตการเลือกตั้งถึง 2 ครั้งของนายอภิสิทธิ์ อีกทั้ง 12 ปีที่ผ่านมาคนเสื้อแดงยังไม่ลืมและทวงถามความยุติธรรมของผู้เสียชีวิต 99 ศพ และ คนเจ็บอีกหลายพันคนในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และการพ่ายแพ้อย่างราบคาบของนายอภิสิทธิ์ต่อตระกูลชินวัตรมาโดยตลอด จนหลอนและกลัวจึงต้องออกมาพูดมั่ว ซึ่งตรงข้ามกับการศึกษาระบอบประชาธิปไตยที่นายอภิสิทธิ์ได้ไปร่ำเรียนมาจากต่างประเทศ อยากขอเตือนสติว่าความกลัวทำให้เสื่อม ซึ่งที่ผ่านมาก็เสื่อมมาตลอด แต่ยังไม่สำนึกกันอีกหรือ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว.