“สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม หวั่นกฎหมายยาเสพติดที่ปรับใหม่ไม่ผ่านการพิจารณาของสภาอ้อน ส.ว.-ส.ส.เร่งให้ทันสมัยประชุมนี้ ไม่งั้นเสียเวลาไปฟรีๆ 9 เดือนต้องเริ่มต้นใหม่ โวเป็นเครื่องมือสำคัญให้เจ้าหน้าที่ยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้ง่ายขึ้น และสามารถยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ตามมูลค่ายาเสพติด พร้อมเน้นให้ผู้เสพเข้าบำบัดมากกว่าติดคุก
กรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เร่งรัดพิจารณาร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดที่บรรจุไว้โดยประธานรัฐสภา พิจารณาต่อจากร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ตามวาระต้องพิจารณาไปแล้ว แต่ถูกเลื่อนออกไป สาระสำคัญร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับนี้มีเรื่องการยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด ช่วยให้การทำงานของเจ้าหน้าที่สะดวกและง่ายขึ้น สามารถตรวจสอบยึดทรัพย์สินย้อนหลังตามมูลค่ายาเสพติดหรือแวลูเบสได้ด้วย ช่วยให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะช่วยตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดถึงต้นตอ นอกจากนี้ ยังมีปรับอัตราโทษผู้ต้องหาคดียาเสพติดให้เหมาะสม เช่น หากมียาบ้าติดตัวข้ามแดนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน 1-2 เม็ด เมื่อก่อนอาจถูกลงโทษติดคุกถึง 10 ปี แต่กฎหมายใหม่ปรับให้เหมาะสมขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล จะช่วยลดความแออัดในเรือนจำ ผู้เสพยาจะไม่เข้าสู่เรือนจำมาก เน้นบำบัดและยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่ายเป็นเรื่องสำคัญ
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดที่อยู่ระหว่างการบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาว่า เราทำร่างกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่เมื่อ 9 เดือนก่อน ร่างกฎหมายฉบับนี้มีสาระสำคัญเกี่ยวกับอัตราโทษใหม่ที่เหมาะสม การยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดจะทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เป็นเครื่องมือสำคัญให้ทุกภาคส่วน ทั้งทหาร ตำรวจ ป.ป.ส. และ ปปง. เพราะการยึดทรัพย์คดียาเสพติดจะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน เมื่อก่อนเราจับกุมผู้ค้ายาเสพติดไม่ได้สืบสวนต่อ จบแค่นั้นอย่างรวดเร็ว แต่วันนี้เราต้องทำรูปแบบใหม่เพื่อสืบสวนขยายผล วันนี้รัฐบาลเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 ปีจะครบวาระ หากเราทำกฎหมายฉบับนี้ไม่สำเร็จต้องเริ่มกันใหม่ เป็นการต่อเวลาให้ผู้ค้ายาเสพติดอีก แต่ถ้ากฎหมายผ่านได้เร็ว เราจะมีเวลาเพื่ออบรมบุคลากร ในการนำกฎหมายมาใช้
“ผมขออ้อนวอนให้ ส.ส. และ ส.ว. เร่งพิจารณาและผ่านร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด เพราะเราไม่ต้องการต่อเวลาให้เครือข่ายยาเสพติดอีกต่อไป และกฎหมายฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาคส่วนต่างๆที่บูรณาการร่วมกัน ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด วันนี้การค้ายาเสพติดมีการนำช่องทางรูปแบบใหม่ๆมาใช้ เช่น แอปพลิเคชันไลน์ เฟซบุ๊ก และสกุลเงินออนไลน์ เราต้องปรับปรุงกฎหมายให้ทันเทคโนโลยีต่างๆ และเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วน ถ้าหากเรามีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพบวกกับนโยบายที่เอาจริงเอาจัง เน้นการตัดวงจรเครือข่าย ปัญหายาเสพติดจะลดลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อประเทศเราคลีนจะสามารถเป็นแบบอย่างให้กับต่างประเทศได้ด้วย” นายสมศักดิ์กล่าว
ที่มา:thairath