ฟังแม่เจ้าบ่าวเทงานแต่ง ไม่รู้ลูกชายเป็นทหารจริงไหม แม่ป่วยมา 2 ปี ไม่เคยมาดูแล แต่พอมีเรื่องหนีกลับมาบ้าน เห็นใจฝ่ายหญิง แต่ให้ไปเคลียร์กันเอง

จากกรณี นางสาวน้ำทิพย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี พนักงานโรงงานย่านนิคมอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พบรักกับ จ.ส.อ.เอก (สงวนนามสกุล) นายทหารพรานจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทางโลกออนไลน์เมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2564 ก่อนจะตกลงจัดงานมงคลสมรสเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวได้ทำการสู่ขอจากพ่อแม่ฝ่ายหญิงเป็นค่าสินสอดเงินสด 200,000 บาท ทองรูปพรรณ 3 บาท โดยฝ่ายชายจะเตรียมซุ้มดอกไม้ ดนตรี อาหาร เครื่องดื่มเอง

แต่เมื่อถึงวันแต่งงานทางเจ้าสาวได้จัดเตรียมงาน มีทั้งพิธีทางศาสนา โต๊ะจีน พร้อมเครื่องดื่ม จำนวน 50 โต๊ะ สำหรับเลี้ยงแขก พอถึงเวลาแขกเริ่มเข้ามาภายในงาน เจ้าสาวและญาติได้ต้อนรับแขกรอเจ้าบ่าว ก่อนจะพบว่าฝ่ายชายไม่มาร่วมพิธี ติดต่อไปแล้วไม่รับสาย จึงรู้ว่าถูกหลอกให้จัดงานแต่งนั้น

ล่าสุด วันนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.โคกสูง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านของฝ่ายเจ้าบ่าวที่หนีงานแต่ง พบว่าในบ้านมีเพียง นางสมจิตร อายุ 68 ปี อยู่กับลูกสาวและหลานสาว

จากการสอบถาม นางสมจิตร บอกว่า นานๆ ทีลูกชายจะกลับมาเยี่ยมบ้าน มาแล้วก็อยู่ไม่กี่วัน แล้วก็ไป ตนเองไม่รู้ชีวิตความเป็นอยู่ของลูกชายนัก เพราะเขาโตแล้ว ไม่อยากไปยุ่งเรื่องส่วนตัว ส่วนเรื่องที่เขาอ้างว่าเป็นทหารนั้น ตนเองไม่รู้เรื่อง เคยได้ยินแต่ว่าไปสมัครเป็นทหารพราน ไม่รู้จริงหรือไม่

และลูกชายคนนี้ก็ไม่ค่อยได้สนใจกับความเป็นอยู่ของตนเองเลย ขนาดตนเองป่วยเป็นโรคหลังแข็งลุกไม่ได้มากว่า 2 ปี ก็ยังไม่เห็นมาช่วยเหลืออะไรเลย พอกลับมาไม่กี่วันนี้ก็ไม่คิดว่าจะมีอะไร และไม่รู้เรื่องว่าเขาหนีงานแต่งมา

เมื่อมารู้ข่าวอีกทีก็รู้สึกกลุ้มใจมาก จึงขอให้เขาไปเคลียร์เอาเอง ทั้งเรื่องเงินเรื่องทองและกับญาติฝ่ายหญิง ตนเองไม่อยากไปยุ่งด้วย ถ้าเขาเป็นอะไรไป หรือใครทำให้เขาตายไป ตนเองก็ไม่อยากเอาเรื่องกับใครแล้ว แล้วแต่เขา เพราะเขาทำตัวเขาเอง

แต่ก็เห็นใจฝ่ายหญิงอยู่ เพียงแต่ตนเองไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ขนาดตนเองป่วยแล้วเขายังมาทำให้แม่กลุ้มใจอย่างนี้อีก จึงขอตัดหางปล่อยวัด ไม่นับแม่ นับลูกกันอีกแล้ว

ที่มา sanook