สลด ทารก 2 เดือน สิ้นใจคาแคมป์คนงาน ที่สมุทรปราการ พ่อเผยหลังลูกกินนมแม่เสร็จ เกิดสำลักแน่นิ่ง รีบแจ้ง จนท.รุดช่วยแต่ไม่ทัน แม่เด็กคาดอาจเพราะคลอดก่อนกำหนด ตำรวจส่งศพชันสูตรอย่างละเอียดหาสาเหตุ
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 65 ร.ต.อ.จักร์ทอง คำมาพล รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางบ่อ รับแจ้งเหตุมีเด็กทารกเสียชีวิต ภายในแคมป์พักคนงานของบริษัท กิจการร่วม KAP. พาวเวอร์ จำกัด ถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจุดบางบ่อ
ที่เกิดเหตุเป็นแคมป์พักคนงาน ลักษณะปลูกเป็นเพิงพักชั่วคราว เข้าไปด้านในพบศพทารกเพศหญิง อายุ 2 เดือน 15 วัน นอนเสียชีวิตอยู่ในผ้าอ้อมห่อตัวสีแดง ภายในเต็นท์เดินป่าซึ่งทำเป็นที่นอน โดยมี นายพีระพงษ์ รักศรีแก้ว อายุ 56 ปี และนางเจือม เริม อายุ 29 ปี สัญชาติกัมพูชา ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของทารกผู้เสียชีวิต นั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ จากนั้นได้อุ้มศพของทารกน้อยเดินมาให้เจ้าหน้าที่ดู
จากการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น พบลิ้นขาว ตัวซีด ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย มีเพียงคราบสีแดงเปื้อนอยู่ที่หน้าผาก เจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ได้สอบปากคำพ่อแม่ทารกน้อย และหัวหน้าคนงาน พร้อมเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุฯ จากนั้นจึงมอบศพทารกน้อยให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ นำส่งไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่ รพ.บางบ่อ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
จากการสอบถาม พ่อทารกผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 น. ภรรยาได้ให้นมลูกตามปกติ หลังกินนมอิ่มลูกได้สำลักน้ำนมออกมา จากนั้นก็แน่นิ่งไป ตนจึงได้แจ้งให้หัวหน้างานโทรประสานหน่วยกู้ชีพให้รีบเข้ามาช่วยเหลือ โดยภรรยาได้บอกกับตนว่าลูกสาว ได้คลอดก่อนกำหนดที่โรงพยาบาลฯ ในประเทศกัมพูชา จากนั้นเมื่ออายุได้ประมาณ 2 เดือนจึงได้พาลูกสาวเดินทางมาที่ประเทศไทย เพื่อให้มาอยู่กับตนที่แคมป์พักคนงานแห่งนี้ เพียงไม่กี่วันก็เกิดเรื่องสลดขึ้น
ด้าน นายยงยุทธ หัวหน้างาน เปิดเผยว่า ภรรยาของ นายพีระพงษ์ ได้ตั้งครรภ์และพักอยู่ในแคมป์ฯ แห่งนี้ เมื่อท้องแก่ใกล้คลอดประมาณเดือนเมษายน 2565 ได้เดินทางกลับประเทศกัมพูชา เพื่อไปคลอดลูกและพักอยู่ 2 เดือน จากนั้นจึงได้เดินทางกลับมาอยู่กับนายพีระพงษ์ที่ประเทศไทย
ด้าน น.ส.อริยา ทองมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งได้เข้าไปให้การช่วยเหลือ ซึ่งพ่อของทารกน้อยบอกว่าเด็กไม่หายใจมา 2 ชั่วโมงแล้ว หลังตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด จากนี้คงต้องให้แพทย์ทำการชันสูตรถึงสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง.
ที่มา thairath