เหยื่อโผล่อีกราย สาวเสิร์ฟ อดีตว่าที่เจ้าสาว แฉทหารเก๊ เทงานแต่ง วีรกรรมเพียบ พกปืนขู่-หลอกเอาเงิน ซัด อย่าแถไปเรื่อย เชื่อมีผู้เสียหายอีก

จากกรณี น.ส.น้ำทิพย์ อายุ 40 ปี สาวโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอ้างเป็นทหารชื่อ จ.ส.อ.เอก หรือ ฉาย ใช้กลอุบายหลอกน.ส.น้ำทิพย์ หลังจากคบหากันมานานกว่า 5 เดือน กระทั่งพ่อแม่ฝ่ายหญิงตายใจว่าเป็นคนดี และจะจัดพิธีมงคลสมรสกันในวันที่ 1 พ.ค.65 แต่พอถึงวันพิธีแต่งงาน เจ้าบ่าวกลับไม่มาเข้าพิธี ติดต่อโทรศัพท์ไปก็ไม่รับสาย จึงรู้ว่าถูกหลอก และครอบครัวต้องเป็นหนี้ในการจัดงานแต่งงานเกือบ 3 แสนบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 9 พ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) เหยื่อรายแรกที่โดนหลอก ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไชยมงคล อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่ทำงานเป็นสาวเสิร์ฟที่สถานบันเทิง เห็นนายเอกไปเที่ยวที่สถานบันเทิงทุกวัน นานกว่า 2 เดือน โดยจะสวมเสื้อคลุมมีโลโก้กองทัพบกมาทุกครั้งตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน และบอกว่า เป็นหัวหน้า รปภ.อยู่ที่โรงงานน้ำตาลครบุรี จ.นครราชสีมา

เหยื่อโผล่อีกราย สาวเสิร์ฟ อดีตว่าที่เจ้าสาว แฉทหารเก๊ เทงานแต่ง วีรกรรมเพียบ พกปืนขู่-หลอกเอาเงิน

น.ส.เอ กล่าวต่อว่า ช่วงระหว่างนั้นก็เข้ามาตีสนิทด้วย และเคยชักปืนขู่จะยิง ไม่อยากให้ทำงานที่สถานบันเทิงแห่งนี้ เห็นพกทั้งปืนสั้นและมีปืนยาวใส่กระเป๋าสะพายเอาไว้ และขู่ว่าจะเอาลูกน้องมาอุ้มหากเห็นว่าตนยังไปทำงานอีก ตนจึงจำเป็นต้องกลับไปอยู่บ้าน ไม่ได้ทำงานเสิร์ฟแล้ว จากนั้น นายเอกก็จะแวะมาหาที่บ้านของตนทุกวัน และเคยพูดบังคับให้ตนพานายเอกเข้ามาอยู่ที่บ้านด้วย

น.ส.เอ กล่าวอีกว่า พอเข้าเดือนที่ 3 ตนจึงพูดกับแม่ ขอให้นายเอกมาอยู่ที่บ้านด้วย ซึ่งนายเอกก็เข้ามาอยู่ที่บ้าน แต่จะไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านของตนกับที่ทำงาน และบอกกับตนว่า เป็นทหารนอกเครื่องแบบ ไม่อยากเปิดเผยตัว จะมีบัตรประจำตัวทหารแขวนคอให้เห็นทุกวัน พอมาเดือนที่ 4 นายเอกก็มาอาศัยอยู่ที่บ้านของตนตลอด แต่ตอนอยู่กับตนที่บ้านจะห้ามไม่ให้ตนออกไปไหน แม้แต่จะเดินไปหาญาติ หายายก็ไม่ให้ไป จะต้องอยู่กับนายเอกตลอดเวลา

น.ส.เอ กล่าวว่า หลังจากพานายเอกมาอยู่กินกันที่บ้าน 1 ปี ตนจึงคุยกับแม่ว่าจะให้นายเอกมาสู่ขอและแต่งงานตามประเพณี ซึ่งแม่จะเรียกสินสอดแค่ 4 หมื่น ทอง 2 บาท พอตนไปบอกนายเอกให้ทราบ นายเอกก็บอกกลับมาว่า จะให้สินสอดเป็นเงินสด 2 แสนบาท ทองคำหนัก 4 บาท เพราะจะนำที่ดินไปขาย ซึ่งตอนนั้น นายเอกจะพูดคล้ายกับที่หลอกสาวรายที่ 2 โดยบอกกับตนว่า แม่ทำงานในวัง และที่บ้านมีเงิน จะมาจัดพิธีแต่งงานให้

น.ส.เอ กล่าวว่า กำหนดคือวันที่ 2 พ.ค.2563 เป็นพิธีสู่ขอและหมั้น ส่วนวันที่ 3 พ.ค.2563 จะเป็นพิธีมงคลสมรส ซึ่งวันหมั้นจะต้องเอาผู้ใหญ่มาพูดคุยกันก่อน แต่นายเอกก็ไม่ได้นำญาติผู้ใหญ่มา โดยบอกกับตนเพียงว่า แม่มาถึงแล้วอยู่หน้าปากทาง ขอขับรถจักยานยนต์ของตนออกไปรับแม่ก่อน จากนั้น กลับเอารถไปจอดฝากเพื่อนของตนไว้ แล้วขึ้นรถคันอื่นหนีหายไป

“ประมาณ 2 ชั่วโมงผ่านไป ตนจึงโทรหา แต่นายเอกบอกว่า ทะเลาะกับแม่เรื่องค่าสินสอดเตรียมมาไม่ครบ ตัดขาดกับแม่แล้ว ไม่รู้จะไปอยู่ไหน ว่าจะไปอยู่ในค่ายทหาร เราก็ขอร้องอ้อนวอนให้นายเอกกลับมา ขอร้องอยู่ 3 วัน ญาติพี่น้องสงสาร จึงไปรับตัวนายเอกกลับมาอยู่ที่บ้านด้วย ซึ่งนายเอกก็พูดว่าจะไม่พึ่งแม่แล้ว จะกู้ธนาคารมาซื้อบ้าน ถ้าเงินเหลือก็จะจัดงานแต่งให้ ตอนนี้ให้เลื่อนงานแต่งออกไปก่อน รอบ้านเสร็จจึงจะจัดงานแต่งที่บ้านหลังใหม่ที่จะซื้อ” น.ส.เอ กล่าว

น.ส.เอ กล่าวต่อว่า แต่ภายหลังเรื่องเริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะญาติพี่น้องเห็นพฤติกรรมของนายเอกไปอยู่กับผู้หญิงรายอื่น และต่อมาก็มีผู้หญิงรายหนึ่งทักเฟซบุ๊กมาหาพี่เขยของตนว่า รู้จักนายเอกหรือเปล่า จึงสอบถามไป ก็ทราบว่า นายเอกไปหลอกเอาเงินแล้วติดต่อไม่ได้ ต้องการขอเงินคืนเพราะพ่อป่วยต้องรีบใช้เงิน ขอให้ช่วยติดต่อนายเอกให้ น้าเขยจึงมาบอกกับตน ตนจึงสอบถามแต่นายเอกปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยไปหลอกลวงเอาเงินจากใคร

น.ส.เอ กล่าวอีกว่า จากนั้นมา นายเอกก็พยายามหลบหน้า และบอกว่าเงินไม่มีแล้ว ขอให้ตนและอา พาไปที่โรงงานน้ำตาลครบุรี ในวันที่ 20 ธ.ค.2563 โดยบอกว่า จะไปเก็บเงินกับ รปภ.จะได้เอามาใช้หนี้ที่ไปยืมทางญาติของตนมา และจังหวะที่รอนายเอกทำธุระที่ทำงาน ตนไปขอเข้าห้องน้ำ ส่วนอาก็รออยู่ที่รถ นายเอกเข้ามาบอกว่า จะเข้าไปเก็บเงินกับ รปภ. สักครู่ก็มีรถจักยานยนต์คันหนึ่งขับมารับนายเอกไป

“ซึ่งนับตั้งแต่นั้น นายเอกได้หนีหายไป ติดต่อไม่ได้เลย เราจึงส่งข้อความไปบอกนายเอกว่า จะไปแจ้งความ เพราะระแคะระคายมานานแล้ว มาหลอกกันแบบนี้ได้ยังไง ซึ่งนายเอกก็ส่งข้อความกลับมาว่า โดนคนอุ้มกักตัวเอาไว้ รอสอบปากคำอยู่ ซึ่งเรามองว่า นายเอกยังแถไปเรื่อย ๆ หลอกไม่หยุด” น.ส.เอ กล่าว

น.ส.เอ กล่าวด้วยว่า เมื่อทบทวนดูแล้ว ตนต้องเสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่เตรียมงานหมั้นและงานแต่ง โดยทยอยนำทองคำของตนไปขาย ประมาณ 3 บาท อ้างว่าจะไปเดินเรื่องธนาคาร และยังให้ตนดึงเงินเก็บประมาณ 1 แสนมาใช้ด้วย นอกจากนี้ ยังไปหยิบยืมเงินจากญาติพี่น้องทางฝั่งพ่อของตน เป็นอาและลูกของอา ที่ต้องสูญเงินไปประมาณ 4 หมื่นบาท ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงินคืน

น.ส.เอ กล่าวว่า จึงอยากออกมาบอกไปถึงนายเอกว่า อย่าแถไปเรื่อย จะไปแต่งสาวสินสอด 3 แสน แล้วจริง ๆ มีเงินหรือเปล่า พูดไปเรื่อย แถมยังอ้างว่าไม่ได้เป็นทหารแต่ก็มักจะใส่ชุดใส่เสื้อคลุมกับถ่ายรูปในชุดทหาร แล้วแบบนี้หมายความว่ายังไง มีดาวบนบ่ายศร้อยเอกด้วย ซึ่งตนก็ไม่ได้คาดหวังจะได้เงินคืน ถือว่าฟาดเคราะห์ไป เพราะเป็นช่วงเบญจเพสด้วย แต่เชื่อว่า ก่อนหน้าตน น่าจะมีหญิงสาวโดนนายเอกหลอกแบบนี้มาก่อนด้วย ทั้งนี้ ตนและญาติได้ไปแจ้งความแล้วที่ สภ.โพธิ์กลาง เพื่อให้ดำเนินคดีเอาผิดกับนายเอกโดยเร็ว

ที่มา khaosod