หญิงวัย 49 ปี เมากลับจากเที่ยว ขับจักรยานยนต์ ย้อนศร เสียหลักพุ่งประสานงาเก๋งเต็มแรง ร่างกระเด็น รถตามมาเหยียบซ้ำเสียชีวิตคาถนนบริเวณโค้งอาถรรพ์

เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 11 พ.ค.2565 พ.ต.ต.วุฒิพงศ์ ตาลำ สารวัตร(สอบสวน) สภ.บ้านบึง รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ชนประสานงากับรถเก๋ง บริเวณโค้งอาถรรพ์โค้งเกษตร บนถนนสาย 349 หนองชาก-พนัสนิคม (ขาเข้าพนัสนิคม) ม.4 ต.หนองชาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง

ที่เกิดเหตุพบศพ นางวันเพ็ญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี สภาพกระโหลกศีรษะแตก สมองกระจายเกลื่อนถนน นอนเสียชีวิตกลางถนน ห่างกันประมาณ 10 เมตร ริมถนนปากทางเข้าบ้านเรือนประชาชนพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซุกิ ทะเบียน 1กก3618 ชลบุรี สภาพตัวรถหักครึ่ง และพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย 1 เครื่องตกอยู่ใกล้ ๆ กับรถจักรยานยนต์

หญิงวัย 49 ปี เมากลับจากเที่ยว ขับจักรยานยนต์ ย้อนศร เสียหลักพุ่งประสานงาเก๋งเต็มแรง ร่างกระเด็น


นอกจากนี้ ยังพบรถเก๋งจอดริมถนนฝั่งซ้ายห่างจากจุดที่พบร่างผู้เสียชีวิตประมาณ 50 เมตร เป็นรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า โคโรลล่า สีน้ำเงิน ทะเบียน ขม6981 ชลบุรี บริเวณไฟเลี้ยวฝั่งซ้ายมีรอยชนแตกเสียหาย

จากการสอบถาม นางสุภาวดี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี เพื่อนของผู้ตาย กล่าวว่า ตนกับผู้ตายไปเที่ยวและดื่มมา โดยผู้ตายก็มีอาการมึนเมาอยู่ด้วย และตนก็ขับรถจักรยานยนต์ตามหลังผู้ตายมาเพื่อจะกลับบ้านพักในพื้นที่ ต.หนองชาก โดยขับย้อนศรระยะทางใกล้ ๆ เพื่อจะข้ามยูเทิร์น ซึ่งตนบอกให้ผู้ตายอย่าขับเร็วและให้ระวังรถที่ขับสวนมา

นางสุภาวดี กล่าวต่อว่า แต่ไม่ทันจะถึงยูเทิร์นเห็นผู้ตายขับจักรยานยนต์เสียหลักเบี่ยงออกไปพุ่งชนกับรถเก๋งที่วิ่งมาทางตรงปกติ จากนั้น ก็มีรถที่ขับตามหลังรถเก๋งมาเหยียบซ้ำ ส่วนคนขับรถเก๋งก็จอดรถลงมาดู ไม่ได้หลบหนีไปไหน และยังช่วยแจ้งตำรวจกับกู้ภัยด้วย เพราะตอนที่ชนมืดมากจนไม่รู้คนตายกระเด็นไปไหนจนมาพบว่ามีรถมาเหยียบซ้ำจนร่างเละไปแล้ว

ด้าน นายวิชญะ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี คนขับที่อยู่ในอาการตกใจ กล่าวว่า ตนกำลังขับรถกลับที่พักที่ อ.พนัสนิคม ถึงที่เกิดเหตุเป็นโค้งตัวเอส ขับรถอยู่ในช่องจราจรช่องที่ 2 คู่กรณีขับจักรยานยนต์สวนทางมาและปาดเข้าหารถของตน จึงชนประสานงากัน จากนั้นจึงชะลอและหยุดรถแจ้งขอความช่วยเหลือ

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะมอบร่างผู้เสียชีวิตให้กู้ภัยนำส่งชันสูตรที่ โรงพยาบาลเพื่อพิสูจน์ให้ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ที่มา khaosod