พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม แถลงชี้แจงกรณี ตำรวจ สังกัด สภ.สามพราน จ.นครปฐม 2 นาย จับกุมกลุ่มวัยรุ่น ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศร มาขอความช่วยเหลือว่าถูกกลุ่มอริ ไล่ทำร้าย แต่เมื่อตรวจค้นตัว กลับพบอาวุธปืน ตำรวจทั้ง 2 นายจึง ทำร้ายร่างกายด้วยการเตะและกระทืบจนได้รับบาดเจ็บ โดยพล.ต.ต.ชมชวิณ ระบุว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ขอโทษสังคม ที่ตำรวจเกิดพฤติกรรมไม่เหมาะสม ยืนยันจะดำเนินการทั้งอาญาและวินัย แต่ขณะนี้ขอตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดและสอบปากคำผู้เสียหาย”

พล.ต.ต.ชมชวิณ กล่าวว่า มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว และมีคำสั่งย้ายให้นายตำรวจทั้ง 2 นาย ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม โดยวันนี้ จะมีการสอบสวนตำรวจทั้ง 2 นาย หากพบว่า เข้าข่ายความผิดใด ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เป็นคดีอาญา ต่อไป

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน จะต้องสอบปากคำผู้เสียหาย ในคดีนี้ ด้วย ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้ทราบข่าวจากทางสื่อ แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยซักถามจากปากของผู้เสียหายโดยตรง เพราะเด็กที่ถูกจับกุมและถูกทำร้าย เป็นเยาวชน ดังนั้นจึงต้องสอบแบบสหวิชาชีพ เพื่อให้ได้ข้อมูลทั้ง 2 ฝ่ายมาประกอบกัน

ผบก.จว.นครปฐม ยังกล่าวด้วยว่า ในจุดที่ตำรวจ จับกุม และทำร้าย กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 3 คน ปกติ สถานที่ดังกล่าว จะมีการแข่งขันรถจักรยานยนต์ซิ่ง สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน และในวันเกิดเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรมา ทำให้ตำรวจทั้ง 2 นายเข้าใจได้ว่า อาจเป็นกลุ่มเด็กแว้นที่นัดมารวมตัวขับขี่รถจักรยานยนต์ซิ่ง ประกอบกับ เมื่อค้นตัว ก็พบอาวุธปืน แต่ยุทธวิธีและวิธีการ ในการจับกุม เกินกว่าเหตุไปมาก

พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เจริญวิชยเดช ผู้กำกับการ สภ.สามพราน กล่าวว่า ตนเองในฐานผู้บังคับบัญชาโดยตรงของตำรวจทั้ง 2 นาย รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องยอมรับว่าดูแลลูกน้องไม่ดี ทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวเด็กและภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในวันเกิดเหตุทางตำรวจได้รับร้องเรียนว่า มีตำรวจกระทำการเกินกว่าเหตุต่อ ผู้ที่ถูกจับกุม จึงรวบรวมหลักฐาน และไปสอบถามจากนิติบุคคลดังกล่าว

ผู้กำกับการ สภ.สามพราน ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ ไม่เคยไปขอให้ลบคลิปวงจรปิด เพราะไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ภาพของตำรวจดีขึ้น วันนี้การสอบสวนผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 2 นาย ไม่ว่าจะมีข้อแก้ตัว อย่างไร ก็จะรับฟัง รวมทั้งข้อมูลในฝั่งของผู้เสียหาย ก็ต้องรวบรวมให้ครบถ้วนเช่นเดียวกัน

ที่มา : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว