แอ๊ดเทวดา

แอ๊ดเทวดา ราชาหนังกลางแปลง ตลอดระยะเวลากว่า 72 ปีของลูกผู้ชายที่ชื่อ “แอ๊ด เทวดา” ได้มีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ควรค่าต่อการบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ ทั้งในเรื่องการ “สู้ชีวิต” และการเริ่มทำในสิ่งใหม่ๆ ที่ “ไม่มีใครกล้าที่จะลงมือทำ หรือบางเรื่อง “ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะคิด”
ชีวิตที่ควรค่าต่อการบันทึกไว้ให้เป็น “ตำนาน”

“แอ๊ด เทวดา” ชีวิตลิขิตเอง

“แอ๊ด เทวดา” บอกกับตัวเองในวัย 8 ขวบว่า…

จะต่อสู้กับสิ่งที่พ่อ แม่ เผชิญอยู่ นั่นก็คือความยากจน ที่ไม่ใช่จนธรรมดา แต่ “จนฉิบหาย” “จนจนน่าเกลียด” จึงตั้งปณิธานไว้ว่า “ข้าจะต้องอยู่คนละฝั่งกับเอ็ง..ความจน” และเริ่มต่อสู้กับความจนมาตั้งแต่บัดนั้น สู้มาตลอดชีวิต เพื่อจะไม่ให้ “ความจน” ชนะ !

https://youtu.be/Idt8Pt5vUUQ

ทำไมจึงเป็น แอ๊ด “เทวดา”?

คนภายนอกที่ไม่ได้รู้จัก อาจจะมีความ คิดว่า เพราะต้องการยกตนเหนือคนอื่น หรือ เพราะเป็นผู้มีอิทธิพลหรือ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่อย่างที่คิดกันเลยแม้แต่น้อย “แอ๊ด เทวดา” เป็นคนธรรมดา ที่ต่อสู้ดิ้นรน สู้ชีวิตเพราะอยากหลีกหนีจากความจน และต้องการประสบความสำเร็จ จนได้มีโอกาสเข้ารับราชการเป็นตำรวจพลร่ม ซึ่งขณะรับราชการก็มีโอกาสได้ขึ้นเวทีร่วมกับพิธีกร และได้ร่วมงานกับนักจัดรายการชื่อดัง ในสมัยนั้นนิยมใช้ “ฉายา” หรือ “นามแฝง” มากกว่าชื่อจริง เมื่อถูกถามว่า ชื่ออะไร? “แอ๊ด ” ได้นึกถึงตนเองขณะที่โดดร่มลงมาจากเครื่องบิน ได้ลงมาจากฟ้า เหมือนกับ “เทวดา” จึงเป็นที่มาของชื่อ “แอ๊ด เทวดา”

“แอ๊ด เทวดา” ราชาหนังกลางแปลง

เจ้าของตำนาน “จอยักษ์ผ่าโลก” “จอโค้งเรดาร์”

“แอ๊ด เทวดา” เริ่มโด่งดังมีชื่อเสียงจากการเป็นนักจัดรายการวิทยุ จนกระทั่งมีสปอนเซอร์รายใหญ่ในขณะนั้นคือ ยาหม่อง
ตราลิงถือลูกท้อ มีฉายาว่า “แอ๊ด เทวดา หน้าลิง” จากนั้นก็ได้มีการเดินสายไปโชว์ตัวตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย พร้อมกับการนำ “หนังกลางแปลง” ไปฉาย เป็นการฉายหนังที่มีการโฆษณาขายสินค้า คนทั่วไปเรียกกันว่า “หนังขายยา”

“แอ๊ด เทวดา” ถือเป็นเจ้าตำนานหนังกลางแปลง ในยุค ปี พ.ศ. 2520 เริ่มจากจอซุปเปอร์ลูกทุ่ง และแน่นอนว่า ด้วยความเป็น “แอ๊ด เทวดา” ที่ไม่เคยคิดจะหยุดนิ่งและไม่เคยคิดที่จะซ้ำรอยใคร “แอ๊ด เทวดา” ผู้ซึ่งต้องการจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเสมอ จากนั้น 3 ปี “แอ๊ด เทวดา” จึงได้มีการพัฒนาจอฉายหนัง จากจอซุปเปอร์ลูกทุ่ง มาเป็นจอตรงขนาดใหญ่ เรียกกันว่า “จอยักษ์ ผ่าโลก” ขนาดความสูงเท่ากับตึก 4 ชั้น กว้าง ขนาดตึก 10 ห้อง ว่ากันว่าในสายของคนฉายหนัง หากรู้ว่าจะมีหนังของ “แอ๊ด เทวดา” มาฉายในระยะ 10-20 กิโลเมตร ก็จะหลบไม่ไปฉายแข่ง เพราะคนจะแห่ไปดูแต่หนังของ “แอ๊ด เทวดา” ไม่ไปดูของคนอื่น

ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าสลดใจที่ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พายุเข้าขณะที่คนงานกำลังขึ้นจอหนัง ความรุนแรงขอพายุทำให้จอ และนั่งร้านพังครื่นลงมา จนเป็นเหตุให้มีคนงานเสียชีวิต 3 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน จากเหตุการณ์ครั้งนั้น “แอ๊ด
เทวดา” จึงประดิษฐ์คิดค้น “จอโค้งเรดาร์” ขึ้น เป็นจอขนาดใหญ่กว้างถึง 42 เมตร สูงประมาณ 18 เมตร ใช้นั่งร้านต่อขึ้นไปถึง 13 ชั้น ลักษณะโค้ง 2 จอหันหลังชนกันเพื่อรับแรงลม มีความปลอดภัยมากขึ้นมีคุณลักษณะพิเศษคือ สามารถฉายหนังได้ 2 จอพร้อมกัน ซึ่งจอโค้งเรดาร์นี้ กินเนสบุ๊คได้ลงบันทึกสถิติไว้ว่าเป็นจอหนังกลางแปลงที่ “ใหญ่ที่สุดในโลก”

จากหนังกลางแปลง จอเรดาร์ สู่ วงดนตรีลูกทุ่งไทยรัฐ

“แอ๊ด เทวดา” ได้เล็งเห็นว่าในยุค พ.ศ. 2528 วงดนตรีลูกทุ่งที่ทำการแสดงเดินสายในต่างจังหวัดได้รับความนิยม และ “แอ๊ด เทวดา” ก็มีพื้นฐานจากการจัดรายการสด ประกวดร้องเพลงอยู่แล้ว จึงอัดแผ่นเสียงนักร้องที่ชนะการประกวด และเปิดวงดนตรีลูกทุ่ง โดยตั้งชื่อว่า “วงดนตรีลูกทุ่งไทยรัฐ” ตามหนังสือพิมพ์ไทยรัฐที่ขณะนั้นเป็นสื่อยักษ์ใหญ่ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ

“แอ๊ด เทวดา” ได้อาศัยชื่อเสียงของไทยรัฐ มาตั้งวงดนตรี เนื่องจากนักร้องในวงเป็นนักร้องที่ยังไม่ดัง วงดนตรีลูกทุ่งไทยรัฐ เดินสายรับงานแสดงทั่วประเทศ ด้วยระบบแสง สี เสียงที่ทันสมัย เวทียิ่งใหญ่อลังการ แดนซ์เซอร์ นับร้อยชีวิต ประกอบกับการโฆษณาในรูปแบบของ “แอ๊ด เทวดา” วงดนตรีลูกทุ่งไทยรัฐ ของ “แอ๊ด เทวดา” ก็เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

https://youtu.be/7BulJpZNJwQ
https://youtu.be/x6HazgLLno0
คนสู้โลก [Cover] จอมขวัญ กัลยา – แอ๊ดเทวดา (สันติ ดวงสว่าง)