จากกรณีอำเภอสังขละบุรี ร่วมนำร่องฉีดวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรก รอบกลุ่มผู้สูงอายุและบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง พร้อมกับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ แม้ว่าจะได้รับการจัดสรรเพียง 10 โดส กระทั่งกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางนั้น

ล่าสุด วันนี้ (9 มิถุนายน) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายหนึ่ง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมาทาง รพ.สังขละบุรี และสาธาณสุข อ.สังขละบุรี ได้ร่วมรณรงค์ให้กลุ่มผู้สูงอายุและบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง ที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เดินทางมารับวัคซีน แต่ปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน รวมทั้งยังมีความกลัวผลข้างเคียง ทำให้เกิดความไม่มั่นใจที่จะรับวัคซีนที่นี้ จึงมีการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นเพียง 10 ราย ทำให้ได้รับโควต้าวัคซีนมาจำนวน 10 โดส ตามที่ปรากฏเป็นข่าวจริง

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวต่อว่า อีกทั้งประชาชนในพื้นที่ห่างไกลของ อ.สังขละบุรี ยังไม่มีความพร้อมเรื่องการลงทะเบียนในระบบหมอพร้อม เพราะบางแห่งยังไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต ทำให้ลงทะเบียนในช่วงแรกน้อย และยังไม่มีการแพร่ระบาดของโรคไปในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสาธารณสุขในพื้นที่ได้มอบหมายให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านลงพื้นที่เก็บข้อมูลผู้ที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้รับการจัดสรรในล็อตต่อๆ ไป

สำหรับ อ.สังขละบุรี ดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่มีความเสี่ยงสูงไปแล้ว รวม 234 ราย ส่วนเป้าหมายของการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง รวม 2,864 ราย ส่วนกลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 18-59 ปี ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 8,285 ราย ล่าสุดมียอดผู้ลงทะเบียนผ่านการสำรวจของ อสม.ในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงกลุ่ม 7 โรค จำนวน 1,906 คน ประชาชนทั่วไป 8,138 คน ซึ่งจะได้มีการฉีดให้ในรอบต่อไป

ขณะที่ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า เหตุผลที่วันแรกๆ อ.สังขละบุรี ได้วัคซีนเพียง 1 ขวด เป็นเพราะมีผู้ลงทะเบียนไว้ 10 คนเท่านั้น แอพพ์หมอพร้อมจึงนัดได้เพียง 10 คน สำหรับวัคซีนล็อตที่จังหวัดกาญจนบุรีได้รับมีจำนวน 7,500 โดส และกระจายไปทั่วทั้งจังหวัด ในพื้นที่ 13 อำเภอ และก็ได้ให้ประชาชนมาฉีดตามที่ลงนัดในแอพพ์หม้อพร้อมไว้

นายจีระเกียรติกล่าวว่า ส่วนวัคซีนจะมีเพียงพอต่อการลงทะเบียนของประชาชนหรือไม่นั้น คาดว่าทางรัฐบาลก็จะทยอยส่งมาให้เรื่อยๆ แต่ไม่แน่ใจว่าจะทันตามกำหนด หรือความต้องการหรือไม่ ทั้งนี้ ตนได้ให้ประชาชนทุกคนลงทะเบียนฉีดวัคซีน และจัดลำดับไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น วัคซีนมาเท่าไรก็จะฉีดไปเท่านั้น จนกว่าจะหมด อย่างไรก็ตาม ทราบว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดซื้อวัคซีนได้แล้ว ซึ่งก็จะมาพิจารณาดูว่าจะเสริมอย่างไรให้เหมาะสม และเร็วกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ด้าน สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ได้ชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นว่า จังหวัดกาญจนบุรีได้ทยอยจัดสรรวัคซีนโควิดไปที่โรงพยาบาลทุกแห่ง โดยที่โรงพยาบาลสังขละบุรี ได้รับจัดสรร 7 ครั้ง รวมจำนวน 579 โดส มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่บุคลากรสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสูง เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อสม. ตำรวจ ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน อาสาสมัครรักษาดินแดน ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค รวมจำนวน 382 คน โดยยังไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวที่อำเภอสังขละบุรีได้รับการจัดสรรวัคซีนมาน้อยเพียง 10 โดส หรือ 1 ขวด เนื่องจากเป็นการจัดสรรตามยอดการจองผ่านระบบหมอพร้อมที่ลงทะเบียนไว้พร้อมกันทั่วประเทศ เมื่อตรวจสอบข้อมูลกับงานเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ซึ่งดูแลรับผิดชอบเรื่องการคีย์ข้อมูลเข้าระบบลงทะเบียนจองรับวัคซีนโควิด สรุปคือช่วงปลายเดือนพฤษภาคมทางโรงพยาบาลสังขละบุรีได้ให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับกลุ่มเสี่ยงซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรค จึงไม่ได้คีย์นัดกลุ่มเป้าหมายในเดือนมิถุนายน เพราะต้องเว้นระยะห่าง 1 เดือน จึงเริ่มคีย์ข้อมูลเข้าระบบในเดือนกรกฎาคม ลงทะเบียนจำนวน 1,872 คน แต่สัปดาห์แรกไม่ได้ลงคิวจองไว้ จึงได้รับการจัดสรรวัคซีนตามยอดที่คีย์ข้อมูลเข้ามาตามระบบดังกล่าว

ที่มา MATICHON