เกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าไปกราดยิงโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองทัลซา รัฐโอกลาโฮมาของสหรัฐฯ เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ศพ ก่อนที่มือปืนจะปลิดชีพตัวเองหนีความผิด

เกิดเหตุกราดยิงในสหรัฐฯ อีกครั้ง หลังจากเพิ่งเกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมที่รัฐเทกซัสเพียงแค่ 1 สัปดาห์ โดยเหตุล่าสุดเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเซนต์ฟรานซิส ผู้ก่อเหตุได้ใช้ปืนไรเฟิลและปืนพกบุกเข้าไปในอาคาร นาตาลี เมดิคัล บิลดิง ซึ่งเป็นตึกสำนักงานของแพทย์โรงพยาบาลเซนต์ ฟรานซิส ก่อเหตุกราดยิงคนในอาคารจนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ศพ ก่อนที่ตำรวจจะพบคนร้ายนอนเสียชีวิตโดยมีแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน ซึ่งเบื้องต้นตำรวจระบุว่าน่าจะเป็นการยิงตัวเองตาย โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ปิดอาคารหลังดังกล่าว และเข้าตรวจสอบทุกห้องในอาคาร เพื่อดูว่ามีภัยคุกคามเพิ่มเติมหรือไม่

เอริค ดัลเกลช รองผู้กำกับการตำรวจเมืองทัลซา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนยืนยันว่า ตำรวจรีบเดินทางมายังจุดเกิดเหตุภายใน 3 นาที หลังได้รับแจ้งเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งอพยพผู้ป่วยและคนในอาคารออกมา พร้อมทั้งตามเสียงปืนไปจนถึงบริเวณชั้น 2 ของอาคารจนกระทั่งพบเหยื่อและมือปืนในอีก 5 นาทีต่อมา ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีการระบุตัวตนของคนร้ายที่แน่ชัด โดยตำรวจระบุเพียงคนร้ายอยู่ในวัยราว 35-40 ปีและยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุ

ด้านทำเนียบขาวยืนยันว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุกราดยิงที่โอกลาโฮมาแล้ว และได้เสนอที่จะมอบความช่วยเหลือมายังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแล้ว

ทั้งนี้ แม้ว่าจะยังคงเกิดเหตุกราดยิงถี่ยิบในสหรัฐฯ แต่การจะเปลี่ยนแปลงกฎหมายครอบครองอาวุธปืนในสหรัฐฯ ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก เพราะมีการต่อต้านจากฝั่งรีพับลิกัน รวมทั้งจากฟากฝั่งของการเมืองท้องถิ่นจากเดโมแครตบางส่วนด้วยเช่นกัน.

ที่มา thairath